ประจวบคีรีขันธ์ - ฆาตกรต่อเนื่องลวงเหยื่อฆ่าชิงรถ 9 คดี ผูกคอตายคาห้องขังชั่วคราวโรงพักคลองวาฬ ประจวบคีรีขันธ์
เมื่อเวลา 05.30 น.วันนี้ (18 เม.ย.) พ.ต.ท.นพดล ธุวังควัฒน์ ผกก สภ.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับรายงานจาก ด.ต.เกษม นวลศรี สิบเวร สภ.คลองวาฬ ว่า มีผู้ต้องหาผูกคอตายในห้องขังชั่วคราวโรงพักหลังเก่า และได้ช่วยกันปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิตนายนิรุต หรือ จำลอง สอนคำหาร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 289/21 หมู่ 10 ต.ทุ่งตำเสา อ.เมือง จ.สงขลา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.238/2555 ลงวันที่ 16 เมษายน 2555 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน และชิงทรัพย์รถยนต์ หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือประมาณ 5 นาที ปรากฎว่า ผู้ต้องหาหาได้สิ้นใจตายคาห้องน้ำในห้องขังในสภาพคอเขียวคล้ำ ลิ้นจุกปาก ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขายาวสีดำ ต่อมา พ.ต.อ.วิศิษฐ์ โสมินทุ รอง ผบก.ภ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยอัยการ ตำรวจวิทยาการ และแพทย์เวรจากโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกันชันสูตรศพ
ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 17 เม.ย.55 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้นำผู้ต้องหาดังกล่าวมาส่งให้ สภ.คลองวาฬ หลังพบว่า เป็นผู้ก่อเหตุในท้องที่ตามหมายจับ จากนั้น พ.ต.ท.มาโนชญ์ ผลมาก พนักงานสอบสวน สภ.คลองวาฬ ได้สอบสวนเพิ่มเติมโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ขณะที่ผู้ต้องหาอยู่ในอาการเครียด
หลังจากดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้น จึงนำตัวเข้าห้องควบคุมบริเวณโรงพักหลังเก่าโดยแยกขังเดี่ยว โดยมีเจ้าหน้าที่สิบเวรควบคุมตัวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้เคยพยายามฆ่าตัวตายโดยใช้สายไฟผูกคอตาย ขณะถูกคุมขังที่ห้องควบคุมตัวภายในกองบังคับการกองปราบปราม แต่สายไฟขาดทำให้รอดชีวิต
จนกระทั่งเมื่อเวลา 05.30 น.ของวันนี้ หลังจากผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวในห้องขัง ผู้ตายได้เข้าห้องน้ำ จากนั้นได้ถอดเสื้อยืดโดยฉีกแขนเสื้อแล้วใช้ศีรษะมุดเข้าไป และม้วนชายเสื้อเป็นเกลียวแล้วขึ้นไปบนถังน้ำ โดยนำชายเสื้อผูกกับลูกกรงช่องหน้าต่างห้องขัง แล้วใช้เท้าดีดตัวออกมาทำให้ทำให้ขาดอากาศหายใจ แต่สืบเวรที่ควบคุมเห็นเหตุการณ์จึงไขกุญแจเปิดห้องขังเข้าไปช่วยเหลือแต่ไม่สามรถยื้อชีวิตไว้ได้
ด้าน พ.ต.ท.นพดล กล่าวว่า ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดูแลเป็นกรณีพิเศษโดยแยกขังเดี่ยว เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาในคดีอุกฉกรรจ์หลายคดีต่อเนื่อง และจะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณริมถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ หมู่ 7 บ้านสวนขวัญ ต.คลองวาฬ ในคดีฆ่านายสมศักดิ์ ศรีจำปา แต่ขณะควบคุมตัวผู้ต้องมีความเครียด และใช้โอกาสในช่วงเช้ามืดขณะเข้าห้องน้ำฆ่าตัวตาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหยื่อที่ผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุมีทั้งหมด 9 คน เสียชีวิต 4 คน รอดมาได้ 3 คน ส่วนอีก 2 คนยังสูญหาย โดยคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดคนร้ายได้ว่าจ้างรถกระบะลงไปขนของทางใต้ จากนั้น ได้นำยาเลนเนตผสมกาแฟให้เหยื่อกินจนสลบ แล้วนำเหยื่อไปทำอำพรางศพหลายจังหวัด แล้วชิงรถหลบหนี จำนวน 9 คดีประกอบด้วย
1.คดีฆ่านางยุพิน จอนเข็ม อายุ 67 ปีที่ จ.กาฬสินธุ์ ถูกออกหมายจับแล้ว 2.คดีชิงทรัพย์รถยนต์กระบะของนายมนตรี กาลาม เมื่อ มี.ค.54 นายสมศักดิ์ ศรีจำปา พื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนายมนตรี รอดชีวิตมาได้ 3.คดีชิงทรัพย์รถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ ของ นายรอบ รอแคว้น โดยนำร่างนายรอบ ไปทิ้งไว้ในสวนปาล์ม ใกล้ป้อมตำรวจทางหลวง ถนนเส้นทางระหว่าง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่พบตัวนายรอบ 4.คดีชิงทรัพย์รถกระบะของ นายวัชระ สืบเชื้อ เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยนำตัวนายวัชระไปทิ้วไว้ข้างถนนเพชรเกษม บริเวณคอสะพานระหว่าง อ.หลังสวน และ อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ขณะนี้ยังไม่พบร่างนายวัชระ
5.คดีชิงทรัพย์รถกระบะของ นายเจริญ ดาราน้อย เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยถูกวางยานอนหลับ แต่นายเจริญรู้ตัวว่าถูกวางยาจึงไล่ผู้ต้องหาลงรถแล้วรีบขับรถออกไปทำให้รอดชีวิตมาได้ 6.คดีชิงทรัพย์รถกระบะของนายไพฑูรย์ ปัตตาลาโพธิ์ เมื่อปลาย ม.ค.ที่ผ่านมา โดยวางยาฆ่าแมลงก่อนนำร่างนายไพฑูรย์ ไปทิ้งไร่อ้อย อ.ชะอำ แต่โชคดีที่นายไพฑูรย์ รอดชีวิตมาได้ 7.คดีชิงทรัพย์รถกระบะของนายจุลศิล สลางสิงห์ โดยวางยาฆ่าแมลงจนนายจุลศิลเสียชีวิต โดยพบศพในพื้นที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร 8.คดีชิงทรัพย์รถกระบะ นายจำนงค์ ศรีระชาติ โดยครั้งนี้ผู้ต้องหาพาภรรยาไปด้วย เมื่อวางยาแล้วนำตัวไปทิ้งไว้ใกล้แยกปฐมพร อ.เมือง จ.ชุมพร 9.คดีฆ่านายสมศักดิ์ ศรีจำปา ท้องที่ สภ.คลองวาฬ ที่มีการออกหมายจับไว้แล้ว
ทั้งนี้ ก่อนผู้ต้องหารายนี้จะเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้จัดแถลงข่าว จากนั้น เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาส่ง สภ.คลองวาฬ ดำเนินคดี และจัดชุดสืบสวนประสานแต่ละท้องที่เกิดเหตุสอบสวนขยายผลเพื่อหาตัวเหยื่อที่ยังสูญหายอีก 2 ราย และจะขยายผลจับกุมแก๊งโจรกรรมรถยนต์ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
