ประจวบคีรีขันธ์ - เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันบนถนนบายพาสชะอำ-ปราณบุรี ช่วงอำเภอหัวหิน ทำให้รถตู้โดยสารสายกรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์ที่วิ่งตามหลังมาเข้าเฉี่ยวชนซ้ำจนตกถนนไปฟาดกับต้นไม่ ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิตทันที 2 รายนามสกุลดัง “พลบุตร” ทั้งคู่ และบาดเจ็บจำนวนมาก
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (6 เม.ย.) ร.ต.ท.ธวัช เนียมสิน ร้อยเวร สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งว่า เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันหลายคันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก เหตุเกิดบริเวณหลัก กม.ที่ 23 บนถนนสายบายพาส ชะอำ-หัวหิน ฝั่งขาล่องไต้ ช่วงรอยต่อระหว่างอำเภอหัวหิน และอำเภอชะอำ
หลังจากได้รับแจ้งจึงรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยเพชรเกษม ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์ตู้โดยสารวิ่งระหว่าง จ.ประจวบคีรีขันธ์-หมอชิต กทม.ตกลงไปชนต้นไม้ข้างทางสภาพพังยับเยิน ภายในรถพบผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ในรถ 13 ราย ประกอบไปด้วยนายประสงค์ สมประสงค์ คนขับ พ.ต.ท.หญิง ปิ่นอนงค์, น.ส.วันวิสา อินท์มาตร, น.ส.ดวงกมล อิ่มดวงแก้ว, น.ส.ตรีทิพย์ เล็กชู, น.ส.ชุติมา ทองเฉียง, น.ส.เกวรี เบนเจมสันต์, น.ส.กาญจนา พิมสะอาด, น.ส.กัลยา พลบุตร, น.ส.กุลนิต อเนก, น.ส.จาริยา พิมพ์สะอาด และ น.ส.ทิตรี จิตรวิสุทกุล เจ้าหน้าที่จึงใช้เครื่องตัดถ่างนำเอาผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลหัวหิน
นอกจากนี้ ยังพบผู้เสียชีวิต 2 รายทราบชื่อ คือ นางศิริพร พลบุตร และนางสาวจิรพร พลบุตร เป็นหญิงอายุประมาณ 20-25 ปี ห่างออกไปประมาณ 50 เมตรพบรถยนต์ มิตซูบิชิ สเปซวาก้อน หมายเลขทะเบียน สฉ 8403 กทม.ถูกรถยนต์เก๋งฟอร์ด เฟียสต้า สีแดง หมายเลขทะเบียน ฆฆ 7884 กทม.ชนท้ายอยู่ และรถยนต์เก๋งฮอนด้าแอคคอร์ด หมายเลขทะเบียน ฐบ 6515 กทม.ถูกเฉี่ยวชนด้านข้างทั้งสองข้าง
จากการสอบสวนทราบว่า ในเวลาดังกล่าวได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ มิตซูบิชิ สเปซวาก้อน ซึ่งถูกรถยนต์เก๋งฟอร์ด สีแดง ชนท้ายอยู่ก่อนแล้ว ในขณะที่รถยนต์เก๋งฮอนด้าแอคคอร์ด หมายเลขทะเบียน ฐบ 6515 กทม. วิ่งตามหลังมาจึงได้ทำการชะลอรถลง ในจังหวะนั้น รถตู้โดยสารที่มีนายประสงค์ สมประสงค์ เป็นคนขับได้วิ่งมาด้วยความเร็วสูง และเฉี่ยวชนเข้าที่ด้านข้างซ้ายของรถรถยนต์เก๋งฮอนด้าแอคคอร์ด จนทำให้ด้านข้างขวาไปเฉี่ยวชนกับรถยนต์สองคันที่ชนท้ายกันอยู่ ส่วนรถตู้โดยสารเสียหลักตกลงข้างทางพุ่งเข้าชนต้นไม้ 2 ต้น ทำให้ผู้โดยสารที่มาในรถได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และตัวคนขับได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
ทั้งนี้ จากอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้เกิดรถยนต์ติดเป็นทางยาว 3 กิโลเมตร ทำให้ตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่ต้องคอยอำนวยความสะดวกอย่างเร่งด่วน