ศูนย์ข่าวขอนแก่น-คนร้ายงัดห้องการเงิน "ม.อีสาน" ฉกเงินสด 800,000 บาท ที่ไม่ได้นำเก็บไว้ในตู้เซฟห้องการเงินหายเกลี้ยง ส่งท้ายทีมบริหาร รศ.ดร.สุมนต์ฯ หมดวาระ 24 มี.ค.55 นี้
วันนี้ (24มี.ค.55) พ.ต.ท.สันติ คำใส พนักงานสอบสวน (สบ.3) สภ.ย่อยบ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน มหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.)ว่าห้องการเงินถูกคนร้ายบุกงัดเข้าไปขโมยเงินสดจำนวน 8 แสนบาทสูญหาย ซึ่งเป็นเงินเบิกจ่ายทั่วไปของ ม.อีสาน ที่เก็บไว้ในลิ้นชักเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าฝ่ายการเงินของมหาลัยหายไปทั้งหมด หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมแจ้งตำรวจกองวิทยาการที่ 23 พิสูจน์หลักฐาน เข้าไปเก็บลายนิ้วมือเพื่อสืบสวนหาตัวคนร้าย
ที่เกิดเหตุ ภายในห้องการเงินชั้น 1 อาคาร ม.อีสาน พบประตูห้องถูกเปิดออก และบริเวณพื้นห้องหน้าประตูพบแม่กุญแจวางอยู่ในสภาพเปิดล็อกเรียบร้อย ภายในห้องการเงินมีโต๊ะทำงานของพนักงานฝ่ายการเงินหลายตัวอยู่ในห้อง พร้อมตู้เซฟเก็บเงินตั้งอยู่ในสภาพดีไม่ถูกงัด แต่ที่บริเวณลิ้นชักโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินถูกเปิดออก ส่วนทรัพย์สินที่เป็นเงินสดจำนวนกว่า 8 แสนบาทสูญหายหมด
ตำรวจวิทยาการพิสูจน์หลักฐาน จึงเก็บลายนิ้วมือแฝงทั่วบริเวณลิ้นชักและรอบโต๊ะทำงานตัวที่ถูกงัดไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำไปเปรียบเทียบพิสูจน์ลายนิ้วมือบุคคลต้องสงสัยกับบุคลากรภายในสืบหาคนร้าย และจากการสอบสวน เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินรายหนึ่งที่รับผิดชอบนำเงินเบิกจ่ายทั่วไปของ ม.อีสาน จำนวน 8 แสนบาท มาเก็บไว้ภายในลิ้นชักโต๊ะทำงาน
เจ้าหน้าที่รายนี้ให้การว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค.55 ได้เบิกเงินจำนวน 1 ล้านบาท จากเงินกองกลางของ ม.อีสาน เพื่อไว้ใช้จ่ายทั่วไป แต่ในขณะเดียวกันนั้นเงินจำนวน 1 ล้านบาท ถูกเบิกจ่ายจากฝ่ายการเงินไป 2 แสนบาท ที่เหลืออีก 8 แสนบาท จึงเตรียมนำเก็บไว้ในตู้เซฟภายในห้องการเงินที่เกิดเหตุ แต่ระหว่างนั้นทางรองอธิการทีมผู้บริหาร ม.อีสาน ไม่อยู่ติดธุระจำเป็น จึงไม่ได้มาเซ็นต์รับมอบเงินเก็บเข้าตู้เซฟ
จากนั้น จึงได้นำเงิน 8 แสนบาท ขอเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่การเงินที่ถูกคนร้ายเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานฉกเงิน 8 แสนบาทไป พอเช้าวันที่ 24 มี.ค.55 เจ้าหน้าที่ทุกคนมาทำงานก็พบว่าห้องการเงินถูกงัดเงินจำนวน 8 แสนบาท ถูกขโมยหายไป
พ.ต.ท.สันติ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นตำรวจยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเงินหายไปจำนวนเท่าไร ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินมีหลักฐานว่าเงินในลิ้นชักหายไป 8 แสนบาท จริงก็ให้นำมาแจ้งตำรวจจะได้ดำเนินการสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ขโมยเงินไปได้ ส่วนการสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ขโมยเงินหายไปนั้น ตำรวจจะนำลายนิ้วมือที่พบในที่เกิดเหตุ ที่ตำรวจวิทยาการเก็บมาได้ นำไปพิสูจน์เปรียบเทียบกับบุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินเหล่านี้ เพื่อหาเบาะแสคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ทั้งนี้เหตุเงิน 8 แสนบาทหายไปนั้น เกิดขึ้นประจวบเหมาะกับการหมดวาระการบริหารงาน ม.อีสาน ของทีมผู้บริหาร รศ.ดร.สุมนต์ สกลไชย อธิการบดี ม.อีสาน ที่หมดวาระในการบริหารลงในวันที่ 24 มี.ค.55 นี้พอดี ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า เป็นการส่งท้ายทีมผู้บริหารชุดแรกที่คณะกรรมการควบคุมแต่งตั้งขึ้นมาหลังจากยึด ม.อีสาน จากผู้รับมอบใบอนุญาตมา เหตุอื้อฉาวเรื่องซื้อขายวุฒิ ป.บัณฑิต
วันนี้ (24มี.ค.55) พ.ต.ท.สันติ คำใส พนักงานสอบสวน (สบ.3) สภ.ย่อยบ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน มหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.)ว่าห้องการเงินถูกคนร้ายบุกงัดเข้าไปขโมยเงินสดจำนวน 8 แสนบาทสูญหาย ซึ่งเป็นเงินเบิกจ่ายทั่วไปของ ม.อีสาน ที่เก็บไว้ในลิ้นชักเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าฝ่ายการเงินของมหาลัยหายไปทั้งหมด หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมแจ้งตำรวจกองวิทยาการที่ 23 พิสูจน์หลักฐาน เข้าไปเก็บลายนิ้วมือเพื่อสืบสวนหาตัวคนร้าย
ที่เกิดเหตุ ภายในห้องการเงินชั้น 1 อาคาร ม.อีสาน พบประตูห้องถูกเปิดออก และบริเวณพื้นห้องหน้าประตูพบแม่กุญแจวางอยู่ในสภาพเปิดล็อกเรียบร้อย ภายในห้องการเงินมีโต๊ะทำงานของพนักงานฝ่ายการเงินหลายตัวอยู่ในห้อง พร้อมตู้เซฟเก็บเงินตั้งอยู่ในสภาพดีไม่ถูกงัด แต่ที่บริเวณลิ้นชักโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินถูกเปิดออก ส่วนทรัพย์สินที่เป็นเงินสดจำนวนกว่า 8 แสนบาทสูญหายหมด
ตำรวจวิทยาการพิสูจน์หลักฐาน จึงเก็บลายนิ้วมือแฝงทั่วบริเวณลิ้นชักและรอบโต๊ะทำงานตัวที่ถูกงัดไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำไปเปรียบเทียบพิสูจน์ลายนิ้วมือบุคคลต้องสงสัยกับบุคลากรภายในสืบหาคนร้าย และจากการสอบสวน เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินรายหนึ่งที่รับผิดชอบนำเงินเบิกจ่ายทั่วไปของ ม.อีสาน จำนวน 8 แสนบาท มาเก็บไว้ภายในลิ้นชักโต๊ะทำงาน
เจ้าหน้าที่รายนี้ให้การว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค.55 ได้เบิกเงินจำนวน 1 ล้านบาท จากเงินกองกลางของ ม.อีสาน เพื่อไว้ใช้จ่ายทั่วไป แต่ในขณะเดียวกันนั้นเงินจำนวน 1 ล้านบาท ถูกเบิกจ่ายจากฝ่ายการเงินไป 2 แสนบาท ที่เหลืออีก 8 แสนบาท จึงเตรียมนำเก็บไว้ในตู้เซฟภายในห้องการเงินที่เกิดเหตุ แต่ระหว่างนั้นทางรองอธิการทีมผู้บริหาร ม.อีสาน ไม่อยู่ติดธุระจำเป็น จึงไม่ได้มาเซ็นต์รับมอบเงินเก็บเข้าตู้เซฟ
จากนั้น จึงได้นำเงิน 8 แสนบาท ขอเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่การเงินที่ถูกคนร้ายเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานฉกเงิน 8 แสนบาทไป พอเช้าวันที่ 24 มี.ค.55 เจ้าหน้าที่ทุกคนมาทำงานก็พบว่าห้องการเงินถูกงัดเงินจำนวน 8 แสนบาท ถูกขโมยหายไป
พ.ต.ท.สันติ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นตำรวจยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเงินหายไปจำนวนเท่าไร ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินมีหลักฐานว่าเงินในลิ้นชักหายไป 8 แสนบาท จริงก็ให้นำมาแจ้งตำรวจจะได้ดำเนินการสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ขโมยเงินไปได้ ส่วนการสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ขโมยเงินหายไปนั้น ตำรวจจะนำลายนิ้วมือที่พบในที่เกิดเหตุ ที่ตำรวจวิทยาการเก็บมาได้ นำไปพิสูจน์เปรียบเทียบกับบุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินเหล่านี้ เพื่อหาเบาะแสคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ทั้งนี้เหตุเงิน 8 แสนบาทหายไปนั้น เกิดขึ้นประจวบเหมาะกับการหมดวาระการบริหารงาน ม.อีสาน ของทีมผู้บริหาร รศ.ดร.สุมนต์ สกลไชย อธิการบดี ม.อีสาน ที่หมดวาระในการบริหารลงในวันที่ 24 มี.ค.55 นี้พอดี ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า เป็นการส่งท้ายทีมผู้บริหารชุดแรกที่คณะกรรมการควบคุมแต่งตั้งขึ้นมาหลังจากยึด ม.อีสาน จากผู้รับมอบใบอนุญาตมา เหตุอื้อฉาวเรื่องซื้อขายวุฒิ ป.บัณฑิต