ยิง “ไอ้แย็ค หนองโรง” จำเลยคดีปล้นฆ่าเผาอำพรางดับคารถขณะควบกระบะคู่ใจออกจากศาล

กาญจนบุรี - มือปืนโหดประกบยิง “ไอ้ แย็ค หนองโรง” จำเลยคดีปล้นฆ่าเผาอำพรางดับคารถบนถนนสายบายพาส (เลี่ยงเมือง) หมู่ที่ 1 ตำบลท่าล้อ อำเภอท่าม่วง กาญจนบุรี ขณะควบกระบะคู่ใจออกจากศาล มุ่งหน้ากลับบ้านพร้อมญาติ พ่อโดนลูกหลงบาดเจ็บ

เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (21 มี.ค.) พ.ต.ท.สมศักดิ์ สุวรรณฉิม พงส.สบ3 สภ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ประจำจังหวัดกาญจนบุรี ว่า เกิดเหตุยิงกันบนถนนสายบายพาส (เลี่ยงเมือง) หมู่ที่ 1 ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย หลังรับแจ้งจึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธนู ฮวบประเสริฐ ผกก.สภ.ท่าม่วง, พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน ผกก.กสส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.ชานุ ชินินทร์ รองผกก.สส., พ.ต.ท.สมพร พุกหอม รองผกก.ป., พ.ต.ท.เวช พิสูตร์ รองผกก.กก.สส., ร.ต.ท.พัฒนา ภมรพล รองสว.กก.สส.และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ร่วมกับแพทย์เวร รพ.ท่าม่วง และมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ เดินทางไปชันสูตรพลิกศพและตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ แค็บ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน บย 989 สุพรรณบุรี จอดอยู่บริเวณกลางถนนหันหน้าไปทางสี่แยกแก่งเสี้ยน กระจกด้านขวาบริเวณคนขับถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.ทะลุ จำนวน 3 รู และบริเวณเหนือที่จับเปิดปิดประตูถูกยิงทะลุจำนวน 2 นัด ส่วนประตูด้านซ้ายพบรอยเลือดติดอยู่

ภายในรถบริเวณเบาะที่นั่งคนขับ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมัย หรือ แย็ค อำไพ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 หมู่ 8 ต.หนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี นั่งเสียชีวิตจมกองเลือดศีรษะตะแคงไปทางด้านซ้าย สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีแดงสวมกางเกงขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่บริเวณข้างราวนมขวา 1 นัด ข้อศอกด้านขวา 1 นัด ต้นแขนขวา 1 นัด ไหปลาร้าด้านขวาอีก 1 นัด รวมทั้งสิ้น 4 นัด

ส่วนที่บริเวณเบาะนั่งคู่คนขับมีกองเลือดทราบภายหลังว่าเป็นเลือดของ นายสนิท อำไพ อายุ 67 ปี บิดาของนายสมัย ผู้ตาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลพหลฯ ไปก่อนแล้ว นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุจำนวน 4 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนกระเป๋ากางเกงด้านขวาพบเงินสดจำนวนหนึ่ง รวมทั้งใบขับขี่รถยนต์ และบัตรประชาชนชนิดละ 1 ใบ

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายสมัย ผู้ตาย พร้อมพ่อแม่และญาติได้เดินทางมาจาก อ.พนมทวน ไปที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรับฟังคดี เนื่องจาก นายสมัย หรือ แย็ค อำไพ ผู้ตาย เป็นจำเลยคดีข้อหาฆ่าหญิงสาวบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แล้วนำศพไปเผาอำพรางจากนั้นได้นำรถยนต์ของหญิงคนดังกล่าวไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน ด้านชายแดนอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เหตุเกิดเมื่อเดือนตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ตายอยู่ระหว่างการประกันตัว ซึ่งวันนี้ผู้ตายมาฟังขั้นตอนของการนัดสืบพยาน

พ.ต.อ.ธนู ฮวบประเสริฐ ผกก.สภ.ท่าม่วง กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า คนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์ติดตามรถยนต์กระบะคันดังกล่าวมาอย่างกระชั้นชิด เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางข้ามรางรถไฟ นายสมัย หรือ แย็ค ผู้ตายจึงได้ชะลอรถยนต์ให้ช้าลง ซึ่งคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์ตามประกบมาจึงสบโอกาส เร่งเครื่องจักรยานยนต์ประกบบริเวณประตูคนขับ จากนั้นใช้อาวุธปืนที่เตรียมไว้ยิงเข้าที่บริเวณกระจกด้านข้างซึ่งเป็นจุดที่คนขับนั่งอยู่พอดี เป็นเหตุ นายสมัย หรือ แย็ค เสียชีวิตคาที่ทันที

ส่วน นายสนิท พ่อของผู้ตายคาดว่า จะนั่งอยู่บริเวณเบาะด้านซ้าย จึงถูกลูกหลงไปด้วย เชื่อว่ามือปืนรายนี้ หวังเอาชีวิต นายสมัย หรือ แย็ค เพียงคนเดียว หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามเส้นทางเลียบทางรถไฟ มุ่งหน้าไปทางอำเภอท่าม่วง ซึ่งศูนย์วิทยุ 191 ภ.จ.กาญจนบุรี รวมทั้งศูนย์วิทยุ สภ.ใกล้เคียงได้ประกาศให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันสกัดจับแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถติดตามจับกุมได้ และการก่อเหตุครั้งนี้คนร้ายได้ลงมือเพียงคนเดียว ซึ่งถือว่าลงมืออย่างอุกอาจมาก เนื่องจากเป็นช่วงกลางวัน และมีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีผู้ที่สัญจรทางรถยนต์เป็นจำนวนมากเช่นกัน

เบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะรู้ดีว่าผู้ตายจะเดินทางมาที่ศาล จึงขับรถจักรยานยนต์สะกดรอยตามมาจากนั้นได้นั่งรอที่ฝั่งตรงข้ามกับศาลจังหวัดกาญจนบุรี จนกระทั่ง นายสมัย หรือแย็ค และญาติเดินทางออกจากศาล เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน เมื่อถึงระหว่างทางคนร้ายได้ขี่รถตามประกบและใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนเสียชีวิตดังกล่าว

ส่วนสาเหตุคาดว่าเป็นเรื่องแค้นส่วนตัวเนื่องจากผู้ตายมีประวัติอาชญากรรมหลายคดี รวมทั้งเคยก่อเหตุอุกฉกรรจ์ ปล้นฆ่าและใช้น้ำมันราดก่อนเผาศพ หญิงสาวบริษัทรับเหมาก่อสร้างชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และนำศพมาเผาอำพรางคดีในพื้นที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจังกุมตัวได้ในที่สุด โดยเหตุเกิดเมื่องช่วงปลายปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินการตามกฎหมายกันต่อไป