ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - จังหวัดเชียงใหม่ประสาน ทอ.ขอชุดปฏิบัติการช่วยแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ ด้าน ทอ.แจงจัดชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ภาคเหนือแล้ว มีเครื่องบิน 2 ลำขึ้ยนบินวันละ 12 เที่ยว-เน้นหนักที่เชียงรายก่อน ส่วนเชียงใหม่เตรียมประสานขอข้อมูลกำหนดแผนงานต่อ ด้านผู้ว่าฯ เชียงใหม่เตรียมดันแก้ปัญหาหมอกควันเป็นยุทธศาสตร์สำคัญกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1
วันนี้ (21 มี.ค.) หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายบรรพต คันธเสน ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ และนายคมสัน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางมายังห้องประชุมกองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศ เพื่อขอรับการสนับสนุนอากาศยานเพื่อควบคุมไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนาวาอากาศเอกประยูร ธรรมาธิวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 และคณะให้การต้อนรับ
การขอรับการสนับสนุนอากาศยานเพื่อควบคุมไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงอีกครั้งในช่วงนี้ ขณะที่กองทัพอากาศได้จัดชุดปฏิบัติการทำหน้าที่โปรยน้ำลดหมอกควันและดูแลไฟป่าขึ้น ตามคำสั่งของ พลอากาศเอก อิทธิพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ โดยขณะนี้ประจำการอยู่ที่จังหวัดเชียงราย
นาวาอากาศเอก สรสิทธิ์ กีรติพล รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติกิจพิเศษ กรมยุทธการทหารอากาศกล่าวในที่ประชุม ว่า ผู้บัญชาการทหารอากาศได้ให้ความสำคัญกับปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ โดยได้สั่งการให้กองทัพอากาศใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ โดยการจัดชุดปฏิบัติการพิเศษในครั้งนี้มีภารกิจเพื่อดูแลและช่วยเหลือในการควบคุมไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ โดยในขณะนี้เครื่องบินแบบ BT67 จำนวน 2 ลำ ได้เข้าประจำการอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา และออกปฏิบัติการรวมวันละ 12 เที่ยวบิน แต่ละเที่ยวบินบรรจุน้ำจำนวนประมาณ 3,500 ลิตร เพื่อใช้ในการโปรยดับไฟป่าหรือลดหมอกควัน
ส่วนการเข้าปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น จะประสานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอข้อมูลในพื้นที่สำหรับใช้ในการประเมินสถานการณ์ ก่อนที่จะตัดสินใจกำหนดตารางการปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นชุดปฏิบัติการจะเน้นหนักในพื้นที่จังหวัดเชียงรายก่อน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันรุนแรงมากที่สุดในเขตภาคเหนือ
นอกจากนี้ ในวันที่ 23 มี.ค.ที่จะถึงนี้ พลอากาศเอก วินัย เปล่งวิทยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ จะเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแถลงข่าวการปฏิบัติการควบคุมไฟป่าและหมอกควันที่จังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย
ด้านหม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ความช่วยเหลือจากกองทัพอากาศในครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การดูแลรักษาพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และำพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ รวมทั้งพื้นที่โซนเหนือและโซนใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีสถิติการเกิดไฟป่า หรือหมอกควันอย่างรุนแรง โดยหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะได้เร่งประสานงานกับชุดปฏิบัติการของกองทัพอากาศ เพื่อรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับใช้ในการกำหนดเป้าหมายและภารกิจต่อไป ซึ่งการได้รับความอนุเคราะห์จากกองทัพอากาศจะช่วยให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผู้ว่าราชการจังกวัดเชียงใหม่ กล่าวต่อไปว่า จากการหารือกันในกลุ่มยุทธศาสตร์จังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 มีความเห็นตรงกันว่า จะกำหนดให้ปัญหาหมอกควันไฟป่าเป็นยุทธศาสตร์สำคัญอันดับ 1 ที่ทุกจังหวัดในกลุ่มภาคเหนือตอนบน 1 จะต้องเร่งดำเนินการ และจะกำหนดเป็นแผนงานระยะยาว ไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้บริหารในกลุ่มจังหวัดก็จะดำเนินการตามแนวทางนี้
เนื่องจากที่ผ่านมา กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ได้เคยกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาในด้านต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก แต่การพัฒนาต่างๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ยังคงประสบปัญหาและได้รับผลกระทบจากหมอกควันและไฟป่าทุกๆ ปี ดังนั้น เรื่องดังกล่าวจะถูกดกำหนดให้เป็นยุทธศาสตร์อันดับ 1 ที่ทุกจังหวัดจะต้องเร่งแก้ไขปัญหา