ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “เฉลิม” มอบนโยบายตำรวจภูธรภาค 5 ชี้พื้นที่ภาคเหนือจุดสำคัญยาเสพติดทะลักกว่า 87% วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมแรงร่วมใจทำงาน แนะประสานทุกฝ่ายจัดโซนปราบปรามพร้อมดึงคนรับการบำบัด เผยประสาน สธ.เร่งตรวจสอบหมอ-เภสัชแอบค้าสารตั้งต้นแล้ว พร้อมระบุแผนส่งตำรวจประจำการ ตปท.หาข่าวยาเสพติด-ประสานเพื่อนบ้านทั้งจีน-อาเซียน
วันนี้ (10 มี.ค. 2555) ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) เดินทางมามอบนโยบายในการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เข้าร่วม
ก่อนเริ่มการประชุมมอบนโยบาย ร.ต.อ.ดร.เฉลิม ได้รับมอบช่อดอกไม้ที่ตัวแทนกลุ่มนายดาบตำรวจที่มีอายุ 53 ปีขึ้นไปในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นำมามอบให้เพื่อแสดงความขอบคุณ
หลังจากที่รัฐบาลเตรียมที่จะปรับเลื่อนยศดาบตำรวจกลุ่มนี้ให้ขึ้นเป็น ร.ต.อ. ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้อนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจชั้นประทวนยศดาบตำรวจ ที่มีอายุ 53 ปีขึ้นไปเพื่อเลื่อนตำแหน่งและเลื่อนยศ แบบเลื่อนไหลเป็นชั้นสัญญาบัตรถึงยศร้อยตำรวจเอก เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา
ร.ต.อ.ดร.เฉลิมได้กล่าวกับตัวแทนกลุ่มนายดาบตำรวจว่า การที่ตนผลักดันให้เกิดนโยบายนี้ขึ้น เพราะเข้าใจว่าตำรวจนั้นทำงานหนัก ได้เงินเดือนไม่มาก แต่ต้องการมีเกียรติยศให้แก่วงศ์ตระกูล
สำหรับการทำพิธีเลื่อนยศให้กับตำรวจชั้นประทวนยศดาบตำรวจที่เข้าข่ายตามแผนงานดังกล่าว จำนวน 26,200 คนจากทั่วประเทศนั้น จะจัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยตนได้เรียนเชิญนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้มาเป็นประธานในพิธีแล้ว รวมทั้งจะให้ดาบตำรวจทุกคนสามารถนำครอบครัวไปร่วมงานได้อีกด้วย
ด้านการประชุมมอบนโยบายต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 รองนายกรัฐมนตรีและ ผอ.ศพส.ได้กล่าวว่า ขณะนี้การแก้ปัญหายาเสพติดนั้นถือเป็นสิ่งที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทกคนทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันทำงานอย่างจริงจัง เพราะหากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ช่วยตน งานนี้จะไม่มีทางสำเร็จได้ เนื่องจากภาคเหนือเป็นพื้นที่สำคัญที่ยาเสพติดไหลทะลักเข้าสู่ประเทศ ดังนั้น การป้องปันและปราบปรามจึงต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายอย่างจริงจังโดยไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัว
ทั้งนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พูดคุยกับฝ่ายปกครองในแต่ละพื้นที่และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันให้มากๆ จากนั้นให้วางแผนกำหนดพื้นที่ในการดูแลรับผิดชอบให้ชัดเจน หากทำได้เชื่อว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้ยาเสพติดหลุดเข้ามาในประเทศได้ ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการนำผู้ที่ติดยาเสพติดมาเข้ารับการบำบัดรักษาด้วย
ร.ต.อ.ดร.เฉลิมกล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการมอบนโยบายต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ว่า การดำเนินการด้านการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลในขณะนี้ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว โดยเฉพาะการตั้ง ศพส.ขึ้นเพื่อรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวโดยตรง
จากการพิจารณาผลการดำเนินงานแล้วก็พบว่าในรอบ 6-7 เดือนที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ในเขตภาคเหนือถือเป็นพื้นที่สำคัญ เนื่องจากเป็นจุดที่ยาเสพติดถูกนำเข้ามาในประเทศถึง 87% ดังนั้น จึงเป็นจุดที่ต้องให้ความสำคัญ และทุกฝ่ายต้องร่วมกันทำงานอย่างต่อเนื่องและจริงจังในการสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดสามารถเข้ามาในประเทศได้
สำหรับกรณีที่มีการตรวจพบว่า มีแพทย์และเภสัชกรในโรงพยาบาลหลายแห่งในพื้นที่ภาคเหนือทำการสั่งซื้อยาแก้หวัดที่มีส่วนประกอบของสารซูโดอีเฟรดีน แล้วลักลอบจำหน่ายให้กับกลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดว่า เรื่องดังกล่าวได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว โดยจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการเข้าไปตรวจสอบถึงการเคลื่อนย้ายของยาเหล่านี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
ตำรวจจะช่วยให้ข้อมูลต่างๆ ในส่วนที่จำเป็น ซึ่งตามปกติการซื้อขายและขนย้ายยาเหล่านี้จะมีการบันทึกจำนวนและที่มาที่ไปอยู่แล้ว หากพบว่ามีความผิดปกติและไม่สามารถชี้แจงได้ ก็ถือว่าเข้าข่ายต้องสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในเรื่องยาเสพติด
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.ดร.เฉลิมได้เปิดเผยว่ามีแนวคิดที่จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปประจำการในกลุ่มประเทศอาเซียนและจีน เพื่อทำงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เกิดความร่วมมือระดับนานาชาติในเรื่องดังกล่าว รองนายกรัฐมนตรีและ ผอ.ศพส.ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวน่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดยในเบื้องต้นตั้งเป้าที่จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปประจำการในต่างประเทศเพื่อหาข้อมูลข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับยาเสพติด ในลักษณะเดียวกับที่ต่างประเทศส่งเจ้าหน้าที่ตรวจเข้ามาประสานงานกับตำรวจไทย