พบศพชายนิรนาม ถูกเหล็กขูดชาร์ปแทงถ่วงน้ำอำพรางคดี

ศูนย์ข่าวศรีราชา - พบศพชายนิรนาม ถูกเหล็กขูดชาร์ปแทงกว่า 40 แผล ก่อนนำทุ่นเหล็กผูกเชือกรัดคอถ่วงน้ำอำพรางคดี

วันนี้ (6 มี.ค.) ร.ต.ท.นเรท บุญที พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ ได้รับแจ้งพบขาผู้เสียชีวิตลอยขึ้นมาจากทะเล อยู่ใต้สะพานปลาประเทือง ตลาดสัตหีบ ม.2 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งได้รายงานให้ พ.ต.อ.สมชาย สุนทวนิค ผกก.สภ.สัตหีบ ทราบก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ดำรงค์ อ้วนสูงเนิน สวป.สภ.สัตหีบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ประดาน้ำมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ เข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณปลายสะพานปลาประเทือง พบชาวบ้าน และลูกเรือประมงทั้งไทย และต่างด้าวนับร้อย ยืนมุ่งดูกันเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ประดาน้ำได้กระโดดน้ำดำลงไปตรวจสอบบริเวณจุดที่ขาผู้เสียชีวิตลอยขึ้นมา พบว่า บริเวณลำคอถูกผูกด้วยเชือดไนล่อนติดอยู่กับทุ่นเหล็กจำนวน 2 ทุ่น จึงได้ช่วยกันนำศพพร้อมทุ่นเหล็กขึ้นมาตรวจสอบ

จากการตรวจสอบผู้เสียชีวิตเป็นเพศชาย อายุประมาณ 30-35 ปี เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5-7 วัน โดยสภาพศพสวมใส่กางเกงในสีน้ำตาล กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน สวมเสื้อสีเหลือง ข้อมือซ้ายสวมริสต์แบนด์สีชมพู กลางหน้าอกพบรอยสักนกอินทรี และยันต์อักขระบริเวณแขนซ้าย และแขนขวา

ส่วนตามร่างกายนั้น พบบาดแผลจากการถูกเหล็กขูดชาร์ปแทงทั่วร่างกาย รวมถึงอวัยวะเพศ กว่า 40 แผล บริเวณลำคอมีเชือกไนล่อนผูกทุ่นเหล็ก 2 ทุ่น หนักกว่า 50 กิโลกรัม โยนถ่วงน้ำทะเลอำพรางคดีทิ้งไว้ปลายสะพานปลาประเทือง

ร.ต.ท.นเรท บุญที พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางผู้บังคับบัญชาได้ให้ความสนใจกับคดีนี้ เนื่องจากที่เกิดเหตุห่างจากโรงพักสัตหีบเพียง 300 เมตร ซึ่งจากการสอบถามไต๋เรือ และลูกเรือประมงทั้งไทย และต่างด้าวภายในสะพานปลาประเทือง ไม่มีใครเคยพบเห็นผู้ตาย

จากการสันนิษฐานเบื้องต้น คาดว่า ผู้ตายน่าจะเป็นลูกเรือประมงต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาทำงานเป็นลูกประมงในไทย และเกิดการทะเลาะวิวาท จนเป็นเหตุทำให้ใช้เหล็กขูดชาร์ปรุมแทง ก่อนจะนำเชือกไนล่อนรัดกับทุ่นเหล็กผูกไว้บริเวณลำคอ โยนทิ้งทะเลอำพรางคดี

เจ้าหน้าที่จะเรียกเจ้าของสะพานปลาประเทือง มาสอบสวน และตรวจสอบตารางเรือประมงที่เข้าเทียบท่าว่ามีลำไหนที่มีท่าทีพิรุธบ้าง ในเบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯนำศพผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรยังสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบบาดแผล และดีเอ็นเอ ว่าผู้ตายเป็นคนสัญชาติใดต่อไป