ชาวไร่ริมตลิ่งโขงตอกน้ำบาดาลทำเกษตร ลดพึ่งน้ำโขงยามหน้าแล้ง

ที่นครพนมผลกระทบจากการเกิดหาดทรายตามแนวลำโขงหลายจุดตั้งแต่เขต อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.เมือง อ.ธาตุพนม ได้ส่งผลกระทบต่ออาชีพเกษตรกรรมของชาวบ้านตามแนวลำน้ำโขงเป็นอย่างมาก ซึ่งจากการสำรวจพบที่ดินริมตลิ่งโขงถูกทิ้งร้างทำเกษตรกรรมไม่ได้นับ 1,000 ไร่
โดยชาวบ้านตามแนวลำน้ำโขง ชี้ว่า ปัญหานั้นเกิดจากหาดทรายที่กินลึกลงไปกลางลำน้ำโขงยาวมากนับ 100 เมตร จากฝั่งลงไปหาจุดที่มีน้ำไม่รวมพื้นที่ตลิ่งติดริมฝั่งทำให้การสูบน้ำโขงขึ้นมาทำการเกษตรลำบากและต้องใช้ต้นทุนสูงไม่คุ้มค่ากับการลงทุนจึงทำให้เกิดที่ร้างว่างเปล่าบริเวณตลิ่งโขงทำเกษตรกรรมไม่ได้
นายหนูรินทร์ เหลาแตว เกษตรกรปลูกใบยาสูบเขตบ้านเมืองเก่า ต.ท่าค้อ อ.เมือง กล่าวว่าจากปัญหาน้ำโขงแห้งเกิดหาดทรายการทำไร่ใบยาสูบปีนี้มีภาระต้นทุนสูงคือต้องซื้อท่อพีวีซียาวกว่า 200 เมตร ลากยาวจากริมตลิ่งโขงจุดที่มีน้ำสูบขึ้นมาพื้นที่เพราะปลูกต้องเสียค่าน้ำมันเฉลี่ยวันละ 300-500 บาท
และมีการเจาะน้ำบาดาลสูบน้ำใต้ดินขึ้นมารดใบยาในจุดห่างตลิ่งโขงมากซึ่งเป็นพื้นที่ติดถนนเรียบริมน้ำโขง และจากปัญหาน้โขงแห้งหาดทรายโผล่มาทุกปีและเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เกษตรกรที่นี่มีการเจาะน้ำบาดาลชั่วคราวแทบทุกรายเพื่อลดการพึ่งพาใช้น้ำโขง
นายหนูรินทร์ ระบุว่า การเจาะน้ำบาดาลชั่วคราวนั้นง่ายใช้ท่อพีวีซีเจาะลึกลงไปในที่ดินตลิ่งโขงลึกประมาณ 4-5 เมตร ก็จะพบน้ำสูบขึ้นมารดใบยาได้สบายตลอดจนเกษตรกรรมอื่นๆพอเข้าหน้าฝนก่อนน้ำโขงขึ้นท่วมดินริมตลิ่งโขงเราก็ปิดรูน้ำบาลดาลไว้พอน้ำโขงลดเราก็เปิดท่อน้ำบาดาลล้างท่อนิดหน่อยก็สูบน้ำใช้เช่นเดิม
นี่คือ การแก้ไขปัญหาลดการพึ่งพาน้ำโขง ถ้าเกษตรกรรายใดไม่กล้าลงทุนในจุดนี้และทำลักษณะนี้ก็จะทำเกษตรกรรมริมตลิ่งโขงไม่ได้เลยถ้าหวังแต่สูบน้ำโขงขึ้นมานั่นคือสาเหตุที่ดินริมตลิ่งโขงว่างเปล่า