ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตร.พิมายโคราช บุกจับ “พ่อเลี้ยง” ผู้ต้องหาข่มขืนลูกเลี้ยงวัย 15 ปีมานานกว่า 6 ปีได้คาบ้านพัก พร้อมตรวจฉี่เจอสารเสพติดสารภาพเพิ่งเสพยาบ้ามา แต่ยังปากแข็งให้การปฏิเสธข่มขืน หลังลุงพาหลานสาววัยเหยื่อโร่แจ้งจับกลางดึก ด้านแม่เหยื่อรุดให้การยันลูกสาวถูกพ่อเลี้ยงชั่วข่มขืนจริง ตร.รอผลตรวจแพทย์มัดแน่นก่อนส่งฟ้องศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ที่ สภ.พิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา นายสนิท สารคล่อง อายุ 44 ปี ชาวบ้าน บ้านโนนยาง ต.ประสุข อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ได้พา ด.ญ.ขมิ้น (นามสมมติ) หลานสาววัย 15 ปีเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับ ร.ต.ท.ปัญญา ปะตังเวสา ร้อยเวรสอบสวน สภ.พิมายว่า ถูกนายอนุสรณ์ สืบค้า อายุ 35 ปี พ่อเลี้ยงข่มขืนมานานกว่า 6 ปี ตั้งแต่ ด.ญ.ขมิ้นอายุ 9 ขวบ
นายสนิท สารคล่อง ลุงของ ด.ญ.ขมิ้น (นามสมมติ) เล่าให้ฟังว่า นางวิวา สารคล่อง อายุ 35 ปีน้องสาวของตนซึ่งเป็นแม่ของ ด.ญ.ขมิ้น หลานสาวได้เลิกรากับพ่อของเด็กและนำ ด.ญ.ขมิ้น มาฝากให้ตนเลี้ยงดูให้ระยะหนึ่ง จนกระทั่งนางวิวา ไปแต่งงานใหม่กับนายอนุสรณ์ สืบค้า ซึ่งเมื่อ ด.ญ.ขมิ้น อายุได้ 9 ขวบ นางวิวา ก็มารับตัวไปอยู่ด้วย
โดยทั้ง 2 คนมีอาชีพรับจ้างทั่วไปกลับบ้านไม่ตรงกัน ซึ่ง นายอนุสรณ์ พ่อเลี้ยง มักจะกลับบ้านมาก่อนนางวิวา และเห็นหลานสาวตนอยู่เพียงลำพังจึงเกิดอารมณ์ทางเพศ บังคับข่มขืน ด.ญ.ขมิ้น จนสำเร็จความใคร่ และข่มขู่หลานสาวไม่ให้บอกเรื่องดังกล่าวกับใคร
จากนั้น นายอนุสรณ์ ก็บังคับข่มขืนมาตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี กระทั่งล่าสุด ด.ญ.ขมิ้น ทนไม่ไหว ได้บอกกับมารดา ซึ่ง นางวิวา ได้ต่อว่า นายอนุสรณ์ จึงเกิดเรื่องทะเลาะกัน และนายอนุสรณ์ ข่มขู่จะเอาชีวิตทั้ง 2 แม่ลูกหากนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งตำรวจหรือเล่าให้คนอื่นฟัง นางวิวา ทนพฤติกรรมชั่วไม่ไหวจึงพาลูกแอบหนีออกมา และ นำ ด.ญ.ขมิ้น มาฝากกับตนไว้พร้อมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ส่วนตัวนางวิวา ได้หนีไปทำงานกรุงเทพฯ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูก
เมื่อทราบเรื่องดังกล่าวทั้งหมด ตนจึงพาหลานสาวเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำตัวนายอนุสรณ์ พ่อเลี้ยงชั่วมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้กระทำผิดและบังคับข่มขู่กับใครได้อีก
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความไว้และออกหมายเรียกนายอนุสรณ์ พ่อเลี้ยง มาสอบปากคำ เพื่อเค้นหาความจริงและดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมนำตัว ด.ญ.ขมิ้น ไปให้แพทย์ตรวจร่างกาย หาร่องรอยการถูกข่มขืนเพื่อเป็นหลักฐานประกอบคดี
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.20 น.วันนี้ (29 ก.พ.) พ.ต.ท.ธารเทพ ยิ้มกระโทก หัวหน้าชุดสืบสาวนสอบสวนสภ.พิมาย พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน จำนวน 4 นาย ได้ทำการเข้าตรวจค้นบ้านของ นายอนุสรณ์ สืบค้า อายุ 35 ปี บ้านหนองขาม ต.โบสถ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา พบ นายอนุสรณ์ สืบค้า ผู้ต้องหาข่มขืนกระทำชำเรา “น้องขมิ้น” ลูกเลี้ยงอายุ 15 ปี กำลังนอนดูโทรทัศน์อยู่ภายในบ้านเพียงลำพัง จึงได้ทำการจับกุมและนำตัว มาที่ สภ.พิมาย เพื่อทำการสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมตรวจปัสสาวะ พบว่า ปัสสาวะนายอนุสรณ์ เป็นสีม่วงมีสารเสพติด
จากการสอบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายอนุสรณ์ สืบค้า ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เพิ่งเสพยาบ้ามา โดยมีเพื่อนคนหนึ่งนำมาให้เสพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ตั้งข้อหา นายอนุสรณ์ เสพสารยาเสพติดประเภทยาบ้า ก่อนนำตัวส่ง ร.ต.ท.ปัญญา ปะตังเวสา ร้อยเวรสอบสวนดำเนินคดี
จากนั้นทางพนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบสวนนายอนุสรณ์ สืบค้า ในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น แต่ นายอนุสรณ์ ให้การปฏิเสธ ว่า ไม่ได้ข่มขืน น้องขมิ้น ลูกเลี้ยงตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นางวิวา ผู้เป็นแม่ ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน ยืนยันว่า นายอนุสรณ์ ข่มขืน น้องขมิ้น บุตรสาวของตนจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้รอผลการตรวจร่องรอยการการถูกข่มขืน จากแพทย์โรงพยาบาลพิมาย เป็นหลักฐานสำคัญประกอบสำนวนคดี เพื่อส่งฟ้องศาลตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ที่ สภ.พิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา นายสนิท สารคล่อง อายุ 44 ปี ชาวบ้าน บ้านโนนยาง ต.ประสุข อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ได้พา ด.ญ.ขมิ้น (นามสมมติ) หลานสาววัย 15 ปีเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับ ร.ต.ท.ปัญญา ปะตังเวสา ร้อยเวรสอบสวน สภ.พิมายว่า ถูกนายอนุสรณ์ สืบค้า อายุ 35 ปี พ่อเลี้ยงข่มขืนมานานกว่า 6 ปี ตั้งแต่ ด.ญ.ขมิ้นอายุ 9 ขวบ
นายสนิท สารคล่อง ลุงของ ด.ญ.ขมิ้น (นามสมมติ) เล่าให้ฟังว่า นางวิวา สารคล่อง อายุ 35 ปีน้องสาวของตนซึ่งเป็นแม่ของ ด.ญ.ขมิ้น หลานสาวได้เลิกรากับพ่อของเด็กและนำ ด.ญ.ขมิ้น มาฝากให้ตนเลี้ยงดูให้ระยะหนึ่ง จนกระทั่งนางวิวา ไปแต่งงานใหม่กับนายอนุสรณ์ สืบค้า ซึ่งเมื่อ ด.ญ.ขมิ้น อายุได้ 9 ขวบ นางวิวา ก็มารับตัวไปอยู่ด้วย
โดยทั้ง 2 คนมีอาชีพรับจ้างทั่วไปกลับบ้านไม่ตรงกัน ซึ่ง นายอนุสรณ์ พ่อเลี้ยง มักจะกลับบ้านมาก่อนนางวิวา และเห็นหลานสาวตนอยู่เพียงลำพังจึงเกิดอารมณ์ทางเพศ บังคับข่มขืน ด.ญ.ขมิ้น จนสำเร็จความใคร่ และข่มขู่หลานสาวไม่ให้บอกเรื่องดังกล่าวกับใคร
จากนั้น นายอนุสรณ์ ก็บังคับข่มขืนมาตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี กระทั่งล่าสุด ด.ญ.ขมิ้น ทนไม่ไหว ได้บอกกับมารดา ซึ่ง นางวิวา ได้ต่อว่า นายอนุสรณ์ จึงเกิดเรื่องทะเลาะกัน และนายอนุสรณ์ ข่มขู่จะเอาชีวิตทั้ง 2 แม่ลูกหากนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งตำรวจหรือเล่าให้คนอื่นฟัง นางวิวา ทนพฤติกรรมชั่วไม่ไหวจึงพาลูกแอบหนีออกมา และ นำ ด.ญ.ขมิ้น มาฝากกับตนไว้พร้อมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ส่วนตัวนางวิวา ได้หนีไปทำงานกรุงเทพฯ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูก
เมื่อทราบเรื่องดังกล่าวทั้งหมด ตนจึงพาหลานสาวเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อนำตัวนายอนุสรณ์ พ่อเลี้ยงชั่วมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้กระทำผิดและบังคับข่มขู่กับใครได้อีก
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความไว้และออกหมายเรียกนายอนุสรณ์ พ่อเลี้ยง มาสอบปากคำ เพื่อเค้นหาความจริงและดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมนำตัว ด.ญ.ขมิ้น ไปให้แพทย์ตรวจร่างกาย หาร่องรอยการถูกข่มขืนเพื่อเป็นหลักฐานประกอบคดี
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.20 น.วันนี้ (29 ก.พ.) พ.ต.ท.ธารเทพ ยิ้มกระโทก หัวหน้าชุดสืบสาวนสอบสวนสภ.พิมาย พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน จำนวน 4 นาย ได้ทำการเข้าตรวจค้นบ้านของ นายอนุสรณ์ สืบค้า อายุ 35 ปี บ้านหนองขาม ต.โบสถ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา พบ นายอนุสรณ์ สืบค้า ผู้ต้องหาข่มขืนกระทำชำเรา “น้องขมิ้น” ลูกเลี้ยงอายุ 15 ปี กำลังนอนดูโทรทัศน์อยู่ภายในบ้านเพียงลำพัง จึงได้ทำการจับกุมและนำตัว มาที่ สภ.พิมาย เพื่อทำการสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมตรวจปัสสาวะ พบว่า ปัสสาวะนายอนุสรณ์ เป็นสีม่วงมีสารเสพติด
จากการสอบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายอนุสรณ์ สืบค้า ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เพิ่งเสพยาบ้ามา โดยมีเพื่อนคนหนึ่งนำมาให้เสพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ตั้งข้อหา นายอนุสรณ์ เสพสารยาเสพติดประเภทยาบ้า ก่อนนำตัวส่ง ร.ต.ท.ปัญญา ปะตังเวสา ร้อยเวรสอบสวนดำเนินคดี
จากนั้นทางพนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบสวนนายอนุสรณ์ สืบค้า ในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น แต่ นายอนุสรณ์ ให้การปฏิเสธ ว่า ไม่ได้ข่มขืน น้องขมิ้น ลูกเลี้ยงตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นางวิวา ผู้เป็นแม่ ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน ยืนยันว่า นายอนุสรณ์ ข่มขืน น้องขมิ้น บุตรสาวของตนจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้รอผลการตรวจร่องรอยการการถูกข่มขืน จากแพทย์โรงพยาบาลพิมาย เป็นหลักฐานสำคัญประกอบสำนวนคดี เพื่อส่งฟ้องศาลตามกฎหมายต่อไป