ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน กองทัพรัฐฉาน ออกแถลงการณ์หนุนแนวทางเจรจาสันติภาพของ “เต็ง เส่ง” เต็มตัว แม้หารือแล้วยังมีปะทะ เสียดาย DKBA ปัดทิ้งข้อเจรจาหยุดยิง บอกใช้นโยบายการทหารนำมานาน ไร้ผลแถมทำพม่าเสื่อมเสีย
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการบริหารสูงสุด สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (Restoration Council of the Shan State) ที่มี พล.ท.เจ้ายอดศึก เป็นผู้นำ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ โดยระบุว่า ตามที่รัฐบาลสหภาพพม่าภายใต้การนำของประธานาธิบดี เต็ง เส่ง ได้ออกแถลงการณ์มาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2554 จนนำมาสู่การเจรจาการเสริมสร้างความสงบร่มเย็นระหว่างรัฐบาลสหภาพพม่ากับกองกำลังกลุ่มต่างๆ ซึ่งสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (Restoration Council of the Shan State) ก็ได้ดำเนินการเจรจาตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลสหภาพพม่ามาตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2555
ซึ่งจนถึงขณะนี้ระยะเวลาในการตกลงหยุดยิง กำลังย่างเข่าสู่เดือนที่ 2 แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมา สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (Restoration Council of the Shan State)/กองทัพรัฐฉาน (Shan State Army) ต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ หลายประการ
โดยในช่วงเวลาระหว่างการดำเนินการเจรจาเพื่อเสริมสร้างความสงบร่มเย็นนั้น สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน-กองทัพ มีการปะทะกับกองทัพรัฐบาลสหภาพพม่า จำนวน 7 ครั้ง และแต่ละครั้ง ฝ่ายกองทัพรัฐบาลสหภาพพม่า เป็นฝ่ายเปิดฉากบุกโจมตีกองกำลังกองทัพรัฐฉาน (Shan State Army) ก่อนทุกครั้ง
ขณะเดียวกัน ตามมติข้อเสนอ 4 ข้อ ที่ได้เจรจาตกลงไว้กับกองทัพรัฐบาลสหภาพพม่านั้น สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน-กองทัพ ยึดมั่น และมีการปฏิบัติตามอย่างจริงจัง แต่หากมองย้อนดูท่าทีของฝ่ายกองทัพรับบาลสหภาพพม่านั้น จะเห็นว่า หน่วยทหารและกำลังพลระดับล่าง เหมือนจะยังไม่เข้าใจในข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่า ผู้นำกองทัพรัฐบาลสหภาพพม่า ไม่ได้มีการชี้แจงต่อหน่วยทหาร ตลอดถึงกำลังพลผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง อย่างเต็มที่และชัดเจน
แถลงการณ์ฉบับดังกล่าวของสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน ยังระบุอีกว่า รู้สึกเศร้าสลดใจ เมื่อได้อ่านแถลงการณ์ของกลุ่มกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) ที่ปัดทิ้งข้อเจรจาหยุดยิง อยากเสนอแนะต่อรัฐบาลประธานาธิบดี เต็ง เส่ง และกองกำลังกลุ่มต่างๆ ให้มองข้ามปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วหันหน้าเจรจาร่วมกันเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้ส่งผลกระทบต่อเจตนารมณ์ของพวกเรา ที่ต่างเห็นต้องกัน ในการเสริมสร้างสหภาพอันร่มเย็น
ที่ผ่านมา พวกเราใช้การทหารนำ ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มาเป็นระยะเวลาอันเนิ่นนาน ผลพวงที่เกิดขึ้น มีแต่ทำลายชื่อเสียงและภาพพจน์ของสหภาพไปในทางเสื่อมเสีย และตามที่รัฐบาลประธานาธิบดี เต็ง เส่ง ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อเสริมสร้างความเป็นเอกภาพในกลุ่มชาติพันธุ์นั้น พวกเราทุกฝ่าย สมควรที่จะตอบรับด้วยความยินดี
รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการบริหารสูงสุด สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (Restoration Council of the Shan State) ที่มี พล.ท.เจ้ายอดศึก เป็นผู้นำ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ โดยระบุว่า ตามที่รัฐบาลสหภาพพม่าภายใต้การนำของประธานาธิบดี เต็ง เส่ง ได้ออกแถลงการณ์มาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2554 จนนำมาสู่การเจรจาการเสริมสร้างความสงบร่มเย็นระหว่างรัฐบาลสหภาพพม่ากับกองกำลังกลุ่มต่างๆ ซึ่งสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (Restoration Council of the Shan State) ก็ได้ดำเนินการเจรจาตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลสหภาพพม่ามาตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2555
ซึ่งจนถึงขณะนี้ระยะเวลาในการตกลงหยุดยิง กำลังย่างเข่าสู่เดือนที่ 2 แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมา สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (Restoration Council of the Shan State)/กองทัพรัฐฉาน (Shan State Army) ต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ หลายประการ
โดยในช่วงเวลาระหว่างการดำเนินการเจรจาเพื่อเสริมสร้างความสงบร่มเย็นนั้น สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน-กองทัพ มีการปะทะกับกองทัพรัฐบาลสหภาพพม่า จำนวน 7 ครั้ง และแต่ละครั้ง ฝ่ายกองทัพรัฐบาลสหภาพพม่า เป็นฝ่ายเปิดฉากบุกโจมตีกองกำลังกองทัพรัฐฉาน (Shan State Army) ก่อนทุกครั้ง
ขณะเดียวกัน ตามมติข้อเสนอ 4 ข้อ ที่ได้เจรจาตกลงไว้กับกองทัพรัฐบาลสหภาพพม่านั้น สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน-กองทัพ ยึดมั่น และมีการปฏิบัติตามอย่างจริงจัง แต่หากมองย้อนดูท่าทีของฝ่ายกองทัพรับบาลสหภาพพม่านั้น จะเห็นว่า หน่วยทหารและกำลังพลระดับล่าง เหมือนจะยังไม่เข้าใจในข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่า ผู้นำกองทัพรัฐบาลสหภาพพม่า ไม่ได้มีการชี้แจงต่อหน่วยทหาร ตลอดถึงกำลังพลผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง อย่างเต็มที่และชัดเจน
แถลงการณ์ฉบับดังกล่าวของสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน ยังระบุอีกว่า รู้สึกเศร้าสลดใจ เมื่อได้อ่านแถลงการณ์ของกลุ่มกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ (DKBA) ที่ปัดทิ้งข้อเจรจาหยุดยิง อยากเสนอแนะต่อรัฐบาลประธานาธิบดี เต็ง เส่ง และกองกำลังกลุ่มต่างๆ ให้มองข้ามปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วหันหน้าเจรจาร่วมกันเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่อยากให้ส่งผลกระทบต่อเจตนารมณ์ของพวกเรา ที่ต่างเห็นต้องกัน ในการเสริมสร้างสหภาพอันร่มเย็น
ที่ผ่านมา พวกเราใช้การทหารนำ ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มาเป็นระยะเวลาอันเนิ่นนาน ผลพวงที่เกิดขึ้น มีแต่ทำลายชื่อเสียงและภาพพจน์ของสหภาพไปในทางเสื่อมเสีย และตามที่รัฐบาลประธานาธิบดี เต็ง เส่ง ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อเสริมสร้างความเป็นเอกภาพในกลุ่มชาติพันธุ์นั้น พวกเราทุกฝ่าย สมควรที่จะตอบรับด้วยความยินดี