xs
xsm
sm
md
lg

จ่อออกหมายเรียก “เสี่ยปางช้างโทรโยค” ฐานสวมตั๋วรูปพรรณ “พังโบโย่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - ตำรวจเตรียมออกหมายเรียก “เสี่ยวินัย” เจ้าของปางช้างไทรโยค กาญจนบุรี หลังตรวจพบเข้าข่ายปลอมแปลงเอกสารและสวมตั๋วรูปพรรณ “พังโบโย่” ซึ่งเป็นช้าง 1 ใน 51 เชือกที่อยู่ในปางช้างไทรโยค ขณะที่เจ้าของ “พังโบโย่” ตัวจริง โผล่ยืนยัน “พังโบโย่” ตัวจริงยังอยู่กับตน แต่ที่ผ่านมาถูกทางปางช้างยืมตั๋วรูปพรรณไปใช้ แต่พอมาทวงคืนหลายครั้งกลับถูกบ่ายเบี่ยง

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบช.ก. พ.ต.ท.ณรงค์เดช กมลบุตร รองผกก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.พรเทพ อินทรบ้าน สว.กก.5 บก.ปทส.นายสัตวแพทย์ อมรินทร์ กัลล์ประวิทธ์ ปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรี นายสัตวแพทย์ สามารถ ประสิทธ์ผล นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรี นายทัศน์เนศวร์ เพชรคง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค พร้อมด้วย พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ ไชยภูมิสกุล พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ที่ได้ร่วมกันตรวจสอบเอกสารตั๋วรูปพรรณช้างทั้ง 51 เชือกของปางช้างไทรโยค โดยมี นายกฤษณะพงศ์ แสนดี ลูกชายเจ้าของปางช้างไทรโยค นายชลอ ประจันแดง ทนายความเข้าร่วมตรวจสอบเพื่อสรุปผลตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา (15 ก.พ.)

ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบช้างพังโบโย่ ซึ่งเป็นช้าง 1 ใน 51 เชือกที่อยู่ในปางช้างไทรโยค อายุ 24 ปี ที่ตัวแทนปางช้างไทรโยค นำตั๋วรูปพรรณมาแสดง ซึ่งระบุว่าออกโดยเจ้าหน้าที่อำเภอสังขละบุรี จึงได้ตรวจสอบไปยังที่ว่าการอำเภอสังขละบุรี ปรากฏพบว่า “พังโบโย่” ตัวจริงนั้น มี นางชุติมา ก้องโลกา อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 หมู่ 7 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นเจ้าของอยู่ ขณะเดียวกัน ช้างเชือกดังกล่าวเจ้าของยังเลี้ยงอยู่ในพื้นที่ ดังนั้น พล.ต.ต.ศรีวราห์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ปทส.เดินทางไปพบนางชุติมา เพื่อขอตรวจสอบพังโบโย่ และให้รายงานผลอย่างเร่งด่วน

ต่อมาเวลา 11.00 น.วันนี้ (16 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก พล.ต.ต.ศรีวราห์ ว่า หลังจากได้ส่งเจ้าหน้าที่ บก.ปทส.เดินทางไปพบ นางชุติมา เจ้าของพังโบโย่ โดยมีปลัดอำเภอสังขละบุรี และอดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ร่วมเดินทางไปด้วย เจ้าหน้าที่ได้รายงานว่า จากการสอบถามข้อมูลพังโบโย่ ทุกคนต่างยืนยันว่า พังโบโย่ เป็นของนางชุติมา จริง และเลี้ยงมาตั้งแต่แรกเกิด ครั้งนี้ชาวบ้านหมู่ 7 ต่างออกมายืนยันเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่พบตัวช้าง เนื่องจากเจ้าของอ้างว่าได้ปล่อยเข้าป่าเพื่อให้มันออกไปหากินตามธรรมชาติ 3-4 วันจึงจะไปนำกลับมาบ้านครั้งหนึ่ง

ต่อมา นางชุติมา ได้พบกับเจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจสอบและบอกความจริงว่า พังโบโย่ ปัจจุบันอายุ 33 ปี ซึ่งช้างเป็นมรดกที่พ่อแม่โอนให้ก่อนเสียชีวิต ส่วนแม่ของพังโบโย่ ได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว นางชุติมา ยังกล่าวอีกว่า เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากปางช้างไทรโยค เดินทางมาพบเพื่อจ้างให้นำช้างไปบริการแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งตนได้ตกลงที่จะทำตาม แต่เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการขนย้าย จึงยังไม่ได้นำช้างไป และปางช้างไทรโยค ได้ขอยืมตั๋วรูปพรรณช้างจากตนไปจริง โดยบอกกับตนว่าจะนำรถมาขนย้ายช้างในภายหลัง แต่เวลาผ่านไปนานพอสมควร ก็ยังไม่มีใครมาขนย้ายช้างแต่อย่างใด

ดังนั้น ตนจึงเดินทางมาที่ปางช้างไทรโยค เพื่อทวงถามและขอตั๋วรูปพรรณช้างคืน แต่ปางช้างไทรโยค ก็พูดจาบ่ายเบี่ยงและไม่ยอมคืนตั๋วรูปพรรณให้ ตนจึงเดินทางกลับ

“ขณะนั้นการเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก อีกทั้งครอบครัวยังมีฐานะยากจน จึงไม่มีปัญญาที่จะหาเงินเป็นค่าเดินทางเพื่อมาทวงถามตั๋วรูปพรรณช้างคืนได้ จำเป็นต้องปล่อยเลยตามเลย และหากเจ้าหน้าทีต้องการดูพังโบโย่ ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ แต่ต้องขอเวลาอีก 3-4 วันจึงจะติดตามตัวพบเนื่องจากพังโบโย่ ยังออกไปหากินอยู่ในป่า โดยเจ้าหน้าที่บอกกับนางชุติมา ว่า หากติดตามตัวช้างมาได้ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อที่จำนำตั๋วรูปพรรณมาตรวจสอบ หากตั๋วรูปพรรณมีลักษณะตรงกัน เจ้าหน้าที่ก็จะคืนตั๋วรูปพรรณให้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากทราบดังนั้นสร้างความดีใจให้กับนางชุติมา เป็นอย่างมาก”

รองผบช.ก.กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบรหัสไมโครชิปของพังโบโย่ ที่ปางช้างนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พบว่า ออกในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการตรวจสอบพบมีพิรุธทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันพิจารณาและเห็นพ้องกันว่า ปางช้างไทรโยค ครอบครองช้างโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเข้าข่ายปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ซึ่งจะสรุปสำนวนส่งพนักงานสอบสวนเพื่อออกหมายเรียกเจ้าของปางช้างมาสอบสวนเพิ่มเติม และหากออกหมายเรียกครบ 3 ครั้งยังไม่มาให้การ เจ้าหน้าที่จะออกหมายจับทันที

รายงานข่าวว่า ผลการตรวจเปรียบเทียบตั๋วรูปพรรณช้างทั้ง 51 เชือก ว่า คณะเจ้าหน้าที่ทำการตรวจเปรียบเทียบช้างกับตั๋วรูปพรรณ ผลการตรวจสอบและได้ร่วมกันพิจารณามีความเห็นพ้องกันว่า ในส่วนแรกนายสัตวแพทย์ อมรินทร์ กัลล์ประวิทธ์ ปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรี นายสัตวแพทย์ สามารถ ประสิทธิ์ผล และ นายไสว อินทพงศ์ ปศุสัตว์อำเภอไทรโยค ตรวจพบช้างจำนวน 19 เชือก มีลักษณะตำหนิรูปพรรณช้าง ไม่ตรงกับหลักฐานตั๋วรูปพรรณต้นฉบับ ดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯจะดำเนินการเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดตาม พ.ร.บ.สัตว์ป่าคุ้มครองตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ในส่วนที่สองตรวจพบว่า ช้างจำนวน 22 เชือก รายละเอียดปรากฏตามบัญชีรายชื่อช้างที่ไม่พบการกระทำผิด จึงได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เป็นผู้ดำเนินการและในส่วนที่สาม ช้างจำนวน 10 เชือก รายละเอียดปรากฏตามบัญชีรายชื่อช้างที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบจึงได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ทำบันทึกอายัดเอาไว้ก่อนเพื่อพิสูจน์ทราบตามขั้นตอนต่อไป

ส่วนปัญหาที่ดินหน่วยป้องกันรักป่าที่ กจ.1 ร่วมกับ อบต.ลุ่มสุ่ม ตรวจสอบเกี่ยวกับสถานะที่ดินที่มีการเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภบ.ท.5) จำนวน 2 ใบ โดยมีชื่อเจ้าของที่ดิน คือ นายไชยพงษ์ แสนดี หรือ “เสียวินัย แสนดี” อยู่บ้านเลขที่ 30/2 หมู่ที่ 3 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จำนวนเนื้อที่ 47-3-8 ไร่ กับที่ดินอีก 2 ไร่นั้นจากเอกสาร ภบ.ท.5 ดังกล่าวทั้งสองหน่วยงานพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นที่ดินที่ยังมิได้มีบุคคลได้มาตามกฎหมายที่ดินจึงเป็นป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4(1) พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 ฐานและตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 9

เจ้าหน้าที่ได้มอบหมายให้ นายบุญชิต ครชาตรี หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.1 และเจ้าหน้าที่ อบต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค ได้พิจารณาร่วมกันก่อนที่จะมอบหมายให้ พ.ต.ท.พรเทพ อินทรบ้าน สว.กก.5 บก.ปทส.นำเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพน้กงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ให้ดำเนินคดีกับ นายไชยพงษ์ แสนดี หรือ “เสี่ยวินัย แสนดี” ตามกฎหมายต่อไป

นายไชยพงษ์ หรือ เสี่ยวินัย แสนดี อายุ 67 ปี ซ้ายมือเจ้าของปางช้างไทรโยคกำลังพูดคุยกับนายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผวจ.กาญจนบุรี โดยมีนายดำรง พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยืนตรงกลาง โดยภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 25 ม.ค.55 เป็นวันที่เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจสอบปางช้างเป็นวันแรก จากวันนั้นจนถึงปัจจุบัน เสี่ยวินัย ยังไม่ได้แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด มีเพียงลูกชายและทนายเข้าร่วมตรวจสอบเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น