ตาก - แล้งจัดไม่มีน้ำทำการเกษตร ชาวไร่-ชาวสวน ต้องเร่งขุดสระหาแหล่งน้ำเพิ่ม ด้านไฟป่าเริ่มลุกลามส่งผลเสียต่อมลภาวะในอากาศปกคลุมพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตาก วันนี้ (16 ก.พ.) ว่า ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดตาก เริ่มรุนแรงขึ้น ชาวบ้านเริ่มขาดน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค รวมทั้งน้ำเพื่อใช้ทำการเกษตร เนื่องจากห้วย-หนอง-คลอง-บ่อน้ำ-แหล่งน้ำต่างๆ ตื้นเขินและแห้ง ทำให้ประชาชนต้องหาที่กักเก็บน้ำไว้ใช้เช่นสร้างถังปูนวงบ่อ-ขุดบ่อดิน และขุดสระน้ำเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการเกษตร
เช่น บ้านม่อนหินเหล็กไฟ ต.มหาวัน อ.แม่สอด ซึ่งมีการปลูกพืชผัก-สวนดอกกันมาก แต่ขณะนี้น้ำในสระและแหล่งน้ำในพื้นที่แห้งขอดตื้นเขิน ไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร หลายรายนอกจากจะรดน้ำแบบวันเว้นวันแล้ว ต้องลงทุนว่าจ้างให้รถแบคโฮมาขุดสระน้ำ โดยใช้พื้นที่ร่องเขา เพราะจะพบตาน้ำได้ง่าย เพื่อนำน้ำมาใช้ทำการเกษตรก่อนที่ผลไร่จะสูญเสีย หรือถึงขั้นตายเพราะขาดน้ำ
เกษตรกรรายหนึ่ง บอกว่า ต้องลงทุนเพิ่มเติมเพื่อว่าจ้างรถแบ็กโฮ มาตักดินขุดสระ แต่หากไม่ทำก็จะไม่มีน้ำมาทำการเกษตร ตอนนี้พืชผักและสวนเกษตรใกล้ออกผลผลิตชุดใหม่แล้ว จึงต้องการน้ำเพิ่มเติม ซึ่งเรื่องนี้อยากจะขอให้ทางราชการเข้ามาดูแล เช่นการช่วยเหลือจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม โดยการขุดสระบริการประชาชน-การสร้างระบบชลประทานใหม่ ฯลฯ ไม่เช่นนั้นในปีต่อๆไปราษฎรและเกษตรกรจะเดือดร้อนหนักกว่านี้อีก
ขณะที่สถานการณ์ไฟป่า ปรากฏว่า ได้เกิดไฟป่าลุกไหม้และลุกลามมาบริเวณข้างถนนสายแม่สอด-พบพระ บ้านค้างภิบาล หมู่ 1 ต.พระธาตุผาแดง อ.แม่สอด จ.ตาก ส่งผลทำให้ไฟได้ลุกไหม้สายไฟฟ้าแรงสูงรวมทั้งสายโทรศัพท์ ทำให้มีไฟฟ้าดับบางส่วน ทั้งทำให้เกิดหมอกควันปกคลุมไปทั่วบริเวณ ทำให้ทัศนวิสัยไม่ดี
นายอุดมศักดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ.อยุธยา หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าแม่สอด กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีประชาชนจุดไฟเผาวัชพืชในที่ดินของตัวเองจำนวนมาก ทั้งที่ไม่เป็นผลดีกับเกษตรกร เพราะหน้าดินจะเสียหาย ธาตุดินธรรมชาติจะถูกไฟทำลายความสมดุลย์ อีกทั้งยังเกิดมลพิษและอากาศเป็นพิษจากหมอกควัน จึงอยากเตือนให้เกษตรกร ได้ใช้วิธีแผ้วถาง และตัดต้นไม้ใบหญ้าแทน เพราะหน้าดินก็ไม่เสียหาย
