เพชรบุรี - ชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการสัตว์ป่าสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3. สาขาเพชรบุรี นำกำลังตรวจยึดสัตว์ป่าคุ้มครองนอกความครอบครองของมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าและศูนย์อนุบาลช่วยเหลือสัตว์ป่าจำนวน 103 ตัว
วันนี้ (15 ก.พ.) นายอุทัย พรมนารี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.ที่ 14 เจ้าหน้าฐานปฏิบัติการป้องกันรักษาป่าที่ พบ.1 (แม่คะเมย) กว่า 50 นาย ได้เข้าตรวจยึดขนย้ายสัตว์ป่าคุ้มครองที่ไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องจำนวน 103 ตัว
ประกอบด้วยชะนีธรรมดา ชะนีมงกุฎ ลิงแสม ลิงกัง ชะนีแก้มขาว ลิงวอก ค่างแว่นถิ่นใต้ ลิงเสน ลิงอ้ายเงี๊ยะ ลิงลมหรือนางอาย แมวดาว หมีขอ หมีหมา นากใหญ่ขนเรียบ เสือปลา ชะมดเช็ด จระเข้น้ำเค็ม หมีควาย อีเห็นธรรมดา อีเห็นเครือ ชะมดหางปล้อง เสือโคร่ง นกกกหรือนกกาฮัง นกออก นกแก็ก และเหยี่ยวแดง ออกจากมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าและศูนย์อนุบาลช่วยเหลือสัตว์ป่า เลขที่ 108 หมู่ 6 ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี
หลังจากเข้านำหมายค้นศาลจังหวัดเพชรบุรี เลขที่ 66/2555 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555 เข้าตรวจค้นเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) โดยในวันนี้ (15 ก.พ.) ได้ทำการจับอีเห็นจำนวน 2 ตัว ลิงกัง 2 ตัว ลิงแสม 2 ตัว หมีขอ 1 ตัวและอีเห็นเครืออีก 1 ตัว เพื่อนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติโดยจะนำสัตว์ป่าทั้งหมดที่จับได้ในวันนี้ไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
ทั้งนี้ จะมีการขนย้ายสัตว์ที่ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีใบอนุญาตครอบครองอย่างถูกต้องออกจากพื้นที่ทั้งหมดโดยจะนำแยกตามตามศูนย์ต่าง ๆ รวมทั้งหมด 5 ศูนย์ประกอบด้วยสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จ.ราชบุรี สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่ากระบกคู่ จ.ฉะเชิงเทรา สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางละมุง จ.ชลบุรี และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง จ.ราชบุรี
นายอุทัย พรมนารี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า จากการสอบสอบพบว่ามีสัตว์ป่าทั้งหมดจำนวน 103 ตัวที่ตรวจสอบแล้วไม่มีใบอนุญาตครอบครองที่ถูกต้องจะต้องดำเนินการขนย้ายออกจากมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าและศูนย์อนุบาลช่วยเหลือสัตว์ป่าแต่จะต้องทยอยดำเนินการขนย้ายเนื่องจากสัตว์ป่ามีจำนวนมากและจะต้องกระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ในการดูแล นอกจากหากใช้สถานที่เพียงแห่งเดียวจะไม่พอสำหรับการอยู่อาศัยของสัตว์ป่าที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้
ด้าน น.ส.จันทร์แสง สร้างนานอก ผู้ครอบครองดูแลสัตว์ป่าของมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า มูลนิธิของตนทำอย่างถูกต้องไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ซึ่งมีบางส่วนได้นำมาจากชาวบ้านที่ไม่ต้องการจะเลี้ยงสัตว์พวกนี้ไว้ บางตัวป่วยทางจิต บางตัวพิการ ก็จะรับมาดูแลและฟื้นฟู ส่วนใหญ่เป็นสัตว์คุ้มครองจำพวกลิงหรือชะนี ซึ่งไม่ได้แสดงตัวในการครอบครองแต่รอให้เจ้าของมารับกลับคืนไป นอกจากนี้ไม่ได้เก็บเงินในการเข้าชมแต่อย่างใดเนื่องจากมีงบสนับสนุนจากต่างประเทศ
โดยการจับสัตว์ป่าที่ถูกขังอยู่ในกรงทำด้วยความยากลำบากเนื่องจากสัตว์บางชนิดดุร้ายเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้กรงเหล็กในการหลอกล่อทำการจับและใช้ตาข่ายจับ ท่ามกลางการต่อต้านของเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติที่ดูแลสัตว์ภายในมูลนิธิที่พยายามขัดขวางและด่าทอเจ้าหน้าที่ในขณะที่จับสัตว์ภายในกรงออกไป
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ชิดชนก สาครเย็น สารวัตรตรวจคนเข้าเมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เข้าตรวจสอบหลักฐานเอกสารใบพาสปอร์ตประจำตัว และเอกสารการทำงานของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครชาวต่างชาติ ว่าได้เข้ามาอยู่อย่างถูกต้องหรือไม่
สำหรับมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าและศูนย์อนุบาลช่วยเหลือสัตว์ป่า จากสภาพที่เห็นภายในถูกสร้างขึ้นในลักษณะของสวนสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีการสร้างกรงเหล็กเพื่อคุ้มกันสัตว์ป่า มีป้ายบอกชื่อและคำอธิบายของสัตว์ป่าแต่ละชนิด มีเส้นทางในการเดินชมสัตว์ที่มีทั้งสัตว์เล็กและสัตว์ใหญ่รวมถึงช้างที่มีจำนวน 5 เชือก มีช้างเจ็บ 2 เชือกที่อยู่ระหว่างรักษาดูอาการ และมีช้างอีก 3 เชือกอยู่ภายในมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าและศูนย์อนุบาลช่วยเหลือสัตว์ป่า แต่มีหลักฐานการครอบครองที่ถูกต้องจึงไม่ได้ทำการตรวจยึด
อีกทั้งภายในกรงสัตว์ใหญ่จำพวกช้าง หมี จะมีเส้นลวดไฟฟ้าขึงอยู่รอบกรงเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ปีนหนีออกมาได้โดยเมื่อสัตว์เข้าใกล้จะถูกไฟฟ้าช๊อตในทันที อันเป็นภาพที่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมภายมูลนิธิฯยอมรับสภาพไม่ได้จึงมีการร้องเรียนไปเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบดังกล่าวเพราะเห็นว่าเป็นการทรมานสัตว์ป่า
