บุรีรัมย์ - สยอง! วันวาเลนไทน์เกิดเหตุรถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกไม้ยูคาฯสับละเอียดกว่า 30 ตัน มุ่งหน้าส่งโรงงานแหลมฉบัง ชลบุรี ระหว่างทาง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เสียหลักแหกโค้งพ่วงท้ายเหวี่ยงพลิกคว่ำทับรถปิกอัพช่างเฟอร์นิเจอร์ ที่วิ่งสวนทางมาพังยับทั้งคัน เสียชีวิตคาที่ 5 ราย บาดเจ็บ 2 ราย
วันนี้ (14 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 02.30 น. พ.ต.อ.ประดิษฐ์ อรุณดี รอง ผกก.หน.สภ.ถาวร ต.ยายแย้มพัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ แหกโค้งชนประสานงาทับรถปิกอัพ ที่บ้านยายคำ ต.ยายแย้มพัฒนา ถนนละหานทราย-เฉลิมพระเกียรติ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและประสานขอความร่วมมือจากหน่วยกู้ชีพเทศบาลเฉลิมพระเกียรติ หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ พร้อมเครื่องตัดถ่างและประสานขอรถยกทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ในพื้นที่ใกล้เคียงมายกรถพ่วง 18 ล้อ ออกรถปิกอัพ เพื่อนำผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ออกมา
ในที่เกิดเหตุบริเวณหน้าวัดเจริญนิมิต กม.ที่ 9 ถ.ละหานทราย-เฉลิมพระเกียรติ บ้านยายคำ ต.ยายแย้มพัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ พบชาวบ้านจำนวนมากกำลังช่วยกันขนเอาเศษไม้ยูคาลิปตัสสับ ที่อยู่บนรถพ่วง 18 ล้อ ออกจากตัวรถ ทำให้การจราจรในช่วงเส้นทาง อ.เฉลิมพระเกียรติ-อ.ละหานทราย สัญจรไปมาด้วยความยากลำบาก และผ่านไปมาได้เฉพาะรถเล็กเท่านั้น
โดยพบว่า รถพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า-ขาว ตัวแม่ทะเบียน 70-4709 ฉะเชิงเทรา ส่วนตัวลูกทะเบียน 71-6518 ชลบุรี ซึ่งมี นายบุษดี สาคำภี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 432 ม.6 ต.เวียงเหนือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นคนขับ บรรทุกไม้ยูคาลิปตัสสับละเอียด กว่า 30 ตัน ของ บริษัท ไชโย-เอเอ จำกัด พลิกตะแคงทับรถปิกอัพ สีน้ำเงิน ทะเบียน บน 4435 จันทบุรี มี นายสุชาติ รังจิตร อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148/2 ม.1 ต.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เป็นคนขับ ซึ่งบรรทุกญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านมาในรถรวมจำนวน 7 คน เพื่อจะไปทำงานช่างเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ จ.อุบลราชธานี
ส่งผลให้ผู้โดยสารที่นั่งมากับรถปิกอัพ ถูกตัวพ่วงรถบรรทุก 18 ล้อ รวมทั้งกองไม้ยูคาลิปตัสสับทับเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย 1.นายบุญเลิศ เผ่าคนชุม อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.8 ต.ทับช้าง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี 2.นางสมควร เผ่าคนชุม อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.8 ต.ทับช้าง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี 3.นายอึ่ง สวัสดี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 218 ม.5 ต.ทับไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว 4.นายธงชัย อำพันธทอง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 ม.11 ต.ทับไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว และ 5.นายชัชนันท์ อำพันธทอง อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 ม.11 ต.ทับไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เวลาในการช่วยชีวิตและค้นหาศพผู้เสียชีวิตที่ถูกกองไม้ยูคาฯ สับทับอยู่ นานกว่า 7 ชั่วโมง จึงสามารถนำศพผู้เสียชีวิตออกมาจากที่เกิดเหตุได้ทั้งหมด เนื่องจากเศษไม้ยูคาสับจำนวนมากทับตัวรถปิกอัพ และผู้เสียชีวิตติดอยู่ในตัวรถอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเร่งช่วยกันนำรถเครนมายกรถคันที่ประสบอุบัติเหตุพร้อมใช้เครื่องตัดถ่าง เพื่อนำคนเจ็บและผู้เสียชีวิต ส่งโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ
พร้อมเร่งเก็บกวาดเศษกองไม้ยูคาฯ สับออกจากพื้นผิวถนน อีกทั้งรถพ่วง 18 ล้อคันดังกล่าวได้ติดตั้งแก๊สเป็นเชื้อเพลิงด้วย และมีแก๊สพวยพุ่งออกมาส่งกลิ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ต้องกันประชาชนที่เกี่ยวข้องออกห่างจากบริเวณเกิดเหตุ แต่โชคดีที่ไม่เกิดระเบิดขึ้น
ส่วนผู้บาดเจ็บ มีจำนวน 2 คน คือ นายสุชาติ รังจิตร คนขับรถปิกอัพ กับ นายผจญ สวัสดี อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 ม.5 ต.ทับไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ที่นั่งโดยสารมากับกระบะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
จากการสอบสวน นายบุษดี สาทำภี คนขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ บอกว่า ได้ขับรถบรรทุกเศษไม้ยูคาลิปตัสสับ จาก อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อนำไปส่งที่ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้งหักศอก ระหว่างหักเลี้ยวโค้งตัวพ่วงได้เกิดสะบัดพลิกคว่ำไปทับรถรถกระบะที่วิ่งสวนทางมาพอดี จึงทำให้เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายดังกล่าว
ด้าน นายสุชาติ รังจิตร คนขับรถปิกอัพที่ประสบเหตุ เล่าว่า ตนและผู้ที่นั่งมาในรถเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ กำลังเดินทางไปรับเหมาทำงานเฟอร์นิเจอร์ที่ จ.อุบลราชธานี แต่พอขับมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง รถพ่วง 18 ล้อคันดังกล่าวได้พลิกคว่ำมาทับรถของตนเองโดยไม่ทราบสาเหตุจนเป็นเหตุให้ผู้ที่นั่งมาในรถเสียชีวิตและบาดเจ็บ
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สันนิษฐานว่า รถพ่วงคันดังกล่าวอาจบรรทุกหนักเกินไป ทำให้ช่วงเข้าโค้งเสียหลักพลิกทับรถปิกอัพที่วิ่งสวนทางมาทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งเป็นอุบัติเหตุเสียชีวิตหมู่ในวันวาเลนไทน์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกคนขับรถทั้งสองคันมาสอบสวนถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงอีกครั้งเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป