ไฟไหม้ร้านรับซื้อของเก่าใจกลางเมืองกาญจน์ ปชช.หนีตายวุ่น

กาญจนบุรี - ระทึกไฟไหม้ร้านรับซื้อของเก่าใจกลางเมืองกาญจน์ ปชช.ที่อยู่โดยรอบขนของพร้อมหอบบุตรหลานหนีตายอลหม่าน โชคดี จนท.ประสบการณ์สูง สกัดเพลิงได้ทันก่อนกลายเป็นทะเลเพลิงกลางเมือง

เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (11 ก.พ.55) พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค พงส.สบ.3 สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุไฟไหม้ร้านรับซื้อของเก่าเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง เหตุเกิดที่บริเวณห้องแถวเลขที่ 12/1 ซ.บูรกาญจนโกศล เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี และตั้งอยู่กลางชุมชนมีบ้านเรือนผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเร่งประสานไปยังเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เพื่อนำรถดับเพลิงไปสกัดเปลวไฟอย่างเร่งด่วน ครั้งนี้นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกายจนบุรี ได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์ดังกล่าวด้วยตนเอง

นอกจากนั้นยังมีนายประสิทธิ์ โอภาสทิพากร นายกเทศบาลเมืองกาญจนบุรี พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เดินทางไปตรวจสอบเหตุดังกล่าวด้วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ตำรวจจราจร มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เจ้าหน้าที่ อป.พร.กาญจนบุรี ทั้งหมดระดมกำลังเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนตลอดเส้นทาง จุดไฟไหม้พบเป็นห้องแถวชั้นเดียวจำนวน 2 คูหา ก่อสร้างด้วยไม้ที่มีสภาพเก่า และสภาพโดยรวมบริเวณข้างเคียงมีทั้งอาคารปูน 2 ชั้น และ 3 ชั้น ซึ่งอยู่ติดกันหลายสิบคูหา โดยเปลวเพลิงเริ่มไหม้ลุกลามจากห้องแถวที่อยู่ด้านซ้าย ก่อนลุกลามไหม้ไปยังห้องที่อยู่ขวามือซึ่งอยู่ติดกันอย่างรวดเร็ว โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งระดมฉีดน้ำเพื่อสกัด แต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก

เนื่องจากซอยดังกล่าวนั้นมีความคับแคบเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้นำรถดับเพลิงบางส่วนอ้อมไปทางด้านหลังเพื่อฉีดน้ำสกัดเปลวเพลิงที่กำลังลุกลามไปติดบ้านเรือนประชาชนที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นตลาดซึ่งบ้านเรือนส่วนใหญ่ก่อสร้างด้วยไม้ที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

ขณะเดียวกันประชาชนจำนวนมากที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงได้เร่งรีบเก็บทรัพย์หนีออกจากบ้านกันอย่างอลหม่านรวมทั้งอุ้มลูกจูงหลานหนีตายกันอย่างวุ่นวายเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการสกัดเปลวเพลิงนานประมาณ 30 นาทีเปลวเพลิงจึงสงบ แต่เจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงพื้นที่โดยรอบอไว้ เนื่องจากเกรงว่าความร้อนที่ระอุอาจจะปะทุขึ้นพร้อมที่จะลุกไหม้อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งภายในบ้านที่เกิดเหตุยังมีเชื้อเพลิงประเภท ลังกระดาษ และกระดาษหนังสือพิมพ์อยู่อีกเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงนานกว่าสองชั่วโมงจึงสามารถเข้าเคลียร์พื้นที่ได้

หลังเพลิงสงบ นายชัยวิชิต ตรีตานนท์ อายุ 39 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวเปิดเผยว่า ตนมีอาชีพรับซื้อกระดาษหนังสือพิมพ์ก่อนเกิดเหตุตนอยู่บ้านเพียงลำพัง อยู่ๆ ตนเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงตนจึงปิดบ้านเอาไว้จากนั้นได้เดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลพหลฯ ขณะเดินทางไปยังโรงพยาบาลได้ประมาณ 15 นาที และยังไม่ถึงโรงพยาบาลก็มีเพื่อนบ้านโทรศัพท์มาบอกว่า บ้านของตนถูกไฟไหม้ตนจึงรีบเดินทางกลับมาดูสถานการณ์ทันที

ส่วนสาเหตุตนยังไม่ทราบว่าเกิดเหตุไฟไหม้ได้อย่างไร ซึ่งจะต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หาสาเหตุเสียก่อน ส่วนทรัพย์สินที่ถูกไฟไหม้ ส่วนใหญ่เป็นลังกระดาษ และกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ตนรับซื้อมา ส่วนทรัพย์สินอย่างอื่นที่ตนมีถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด

ด้าน พ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค ร้อยเวรเจ้าของคดี กล่าวว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบหลายปี และเสี่ยงต่อการลุกลามไหม้ไปยังบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ติดกันเป็นอย่างมาก อีกทั้งบริเวณโดยรอบมีบ้านเรือนประชาชนที่ก่อสร้างด้วยไม้เกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี หากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองกาญจน์ ไม่สามารถสกัดเพลิงไว้ได้ อาจจะได้รับความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้

แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถสกัดเปลวเพลิงได้ทันเวลา ส่วนสาเหตุการเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้ ตนยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ เบื้องต้นคาดว่าเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่จะต้องรอผลพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเสียก่อน และจะสอบปากคำผู้ที่เห็นเหตุการณ์ดูว่า จุดต้นเพลิงนั้นมาจากที่ใด

ด้านนายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผวจ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ นับว่ายังโชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนสาเหตุจะต้องรอผลพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน จากเหตุการณ์ดังกล่าวตนจึงอยากฝากเตือนไปยังประชาชนว่า ก่อนออกไปทำธุระนอกบ้านขอให้ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้เสียก่อน เช่น ตรวจดูว่าได้จุดธูปเทียนทิ้งไว้หรือไม่ รวมทั้งถังแก๊สหุงต้ม และตรวจสอบว่าปลั๊กไฟที่เสียบเอาไว้ก็ควรจะถอดออกเสียก่อนเพื่อความปลอดภัย

รายงานข่าวว่า ขณะเกิดเหตุประชาชนเป็นจำนวนมากได้มองเห็นกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้ามาแต่ระยะไกล ทิศทางมาจากบริเวณกลางตลาดสด และยังเป็นชุมชนที่มีบ้านเรือนนับพันหลัง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกาญจนบุรี เหตุการณ์ดังกล่าวหากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่สามารถสกัดเปลวเพลิงไว้ได้พื้นที่ทั้งหมดจะถูกไฟไหม้คล้ายทะเลเพลิงอย่างแน่นอน แต่ด้วยประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองกาญจนบุรีทุกนายที่หมั่นฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำจนมีความชำนาญ โดยเฉาพะการฝึกซ้อมผจญเพลิงตามสถานที่ที่มีซอยเข้าออกคับแคบจนมีความชำนาญ