ตาก- รมว.ต่างประเทศ ดูพื้นที่พิพาทไทย - พม่า บริเวณชายแดนแม่สอด ตามคำขอของพม่า อ้างไทยทำพนังริมตลิ่งทำกระแสน้ำเปลี่ยน กระทบฝั่งพม่า ขณะที่พม่าชักธงชาติปักกลางเกาะแม่น้ำเมย ที่ถูกกระแสน้ำตัดขาดจากแผ่นดินไทย
วันนี้(4 ก.พ.55)นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และคณะ ได้เดินทางไปที่บ้านแม่โกนเกน หมู่ที่ 9 ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อดูพื้นที่แม่น้ำเมย หลังจากที่ฝ่ายพม่า ขอให้ทางรัฐบาลไทยตรวจสอบการทำพนังกันดินริมฝั่งแม่น้ำเมย ที่บ้านแม่โกนเกน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 เป็นต้นมา อาจจะส่งผลกระทบต่อฝั่งแม่น้ำเมยฝั่งพม่าได้รับความเสียหาย
ขณะที่ฝ่ายพม่าเองได้นำธงชาติพม่าไปปักไว้กลางเกาะแม่น้ำเมย ตั้งแต่ 26 ธ.ค.54 ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเกาะที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะพื้นดินฝั่งไทย และฝ่ายไทยได้ประท้วงไปแล้ว แต่พม่าก็ยังไม่ปลดธงลงแต่อย่างใด
การทำพนังกันดินของฝ่ายไทยนั้น เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการได้ชี้แจงว่า ฝ่ายไทยได้ทำพนังกันดินแนบกับริมฝั่งแม่นน้ำเมย และไม่ได้ล้ำ ออกไปยังแม่น้ำ เพื่อรักษาแนวฝั่งเท่านั้น ยอมรับว่า แรกๆฝ่ายพม่าระดับท้องถิ่นที่จังหวัดเมียวดี ตรงข้ามอำเภอแม่สอด ได้ประท้วงมา แต่ภายหลังได้เจรจากันในระดับท้องถิ่น ฝ่ายพม่าจึงไม่ท้วงติงใดๆ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ได้ไปดูพื้นที่การสร้างตลิ่งเพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะ ฝั่งไทย เนื่องจากตนได้ไปประชุมที่ประเทศพม่า และได้พบกับ รมว.ต่างประเทศพม่า ซึ่งได้แจ้งว่า การทำพนังกันดินของฝั่งไทย จะทำให้น้ำกัดเซาะฝั่งพม่า
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทางไทยกับพม่าต้องคุยกันในเวทีคณะกรรมการเทคนิคไทย - พม่า (เจทีซี.) โดยตนจะนำข้อเท็จจริงไปทำความเข้าใจกับฝ่ายพม่า โดยยึดกฎหมายระหว่างประเทศเป็นหลัก เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งพื้นที่พิพาทที่บ้านแม่โกนเกน มีทั้งหมด 3 จุด
“เรื่องลำน้ำที่เป็นเขตติดต่อระหว่าง 2 ประเทศ หากมีการเปลี่ยนแปลงของน้ำที่ค่อยเป็นค่อยไป ก็จะเป็นที่ยอมรับ และสามารถแบ่งกัน 2 ฝั่งได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน ต้องไปคุยกันทั้ง 2 ประเทศ โดยยึดกฎหมาย”
ล่าสุดทางฝ่ายไทยได้ทำหนังสือเชิญประชุมปลายเดือนกุมภาพันธ์ 55 แต่ทางการพม่า ยังไม่ได้ตอบรับ และตนจะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับ รมช.ต่างประเทศพม่า ในการประชุมอาเซียน ที่ประเทศอินเดียด้วย