อุดรธานี - ชาวบ้านเชียงร่วมหลายหน่วยงานงานเตรียมจัดงานมรดกโลกบ้านเชียง ครบ 2 ทศวรรษอย่างยิ่งใหญ่ 10-12 ก.พ.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเย็นวานนี้ (2 ก.พ.)ที่หน้าบริเวณหลุมขุดค้นแหล่งโบราณคดี พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี นายมาลัยวรณ์ ตั้งอรุณสวัสดิ์ นายอำเภอหนองหาน นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการศิลปากรที่ 9 จังหวัดขอนแก่น นายบุญลือ เชื้อหอม รองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี (อบจ.)นายสุเมธ คำพิมาน นายกเทศมนตรีบ้านเชียง และนางธัญภา นิโครธานนท์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สำนักงานอุดรธานี ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานฉลองแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง “2 ทศวรรษ มรดกโลกบ้านเชียง มรดกไทย มรดกของเรา 2555”
จังหวัดอุดรธานี ได้ร่วมกับอำเภอหนองหาน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติบ้านเชียง เทศบาลตำบลบ้านเชียง อบจ.อุดรธานี และ สำนักงาน ททท.จังหวัดอุดรธานี จัดงานเฉลิมฉลองแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ในระหว่างวันที่ 10-12 ก.พ. 2555 ซึ่งถือว่าเป็นการฉลอง 20 ปี ของการที่ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง
กิจกรรมต่างๆ ภายในงานที่น่าสนใจหลายกิจกรรม เช่น พิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์(ปู่ขุนเชียงสวัสดิ์) ขบวนแห่อารยะธรรมมรดกโลกบ้านเชียงสุดยิ่งใหญ่ กิจกรรม 7 Amazing in Ban Chiang คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง กลุ่มทอผ้าฝ้ายไทพวน ปั้นหม้อเขียนลายไห ตีเหล็กโบราณ บ้านไทพวน-รับเสด็จ วัดโพธิ์ศรีใน หลุมขุดค้นทางโบราณคดี
ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอันตระการตา การแสดงบนเวทีของศิลปิน ดารานักร้อง นักแสดง และร่วมรำวงย้อนยุคกับรำวงคณะจันทร์เพ็ญ การจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกจากเมืองมรดกโลก ตลอดจน การแสดงมหรสพสมโภชตลอดการจัดงาน
ในปัจจุบันนี้แหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดีที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย เพราะในแต่ละเดือน ก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยว และเยี่ยมเยือนถึงประมาณเดือนละ 2 หมื่นคน หรือประมาณปีละ 2.4 แสนคน ไม่รวมถึงหน่วยราชการ และนักเรียน นักศึกษาที่ได้รับการยกเว้นไม่เก็บค่าเข้าชม เป็นอันดับของประเทศรองลงมาจากแหล่งมรดกโลกอยุธยา สุโขทัย และแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง
ในส่วนของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ก็ได้มีการก่อสร้างเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ มีอยู่ 3 อาคารแล้วและในอนาคตเชื่อว่าจะต้องมีการก่อสร้างอาคารเพิ่มขึ้นอีก เพราะว่าโครงกระดูกจำนวน 130 โครง ที่เคยนำเอาไปแสดงตามมลรัฐต่างๆของประเทศสหรัฐฯนานถึง 4 ปี และที่ประเทศสิงคโปร์อีก 1 ปี ได้ถูกส่งกลับมาอยู่ที่พิพิภัณฑ์บ้านเชียงหมดแล้ว
