ศูนย์ข่าวขอนแก่น- องคมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ทำพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระทันตธาตุ พระมหากัสสปะพุทธเจ้า จากภูฏาน ประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยมีโอกาสกราบไหว้สักการบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งในชีวิต
วันนี้ (27 ม.ค.) องคมนตรีจากราชอาณาจักรภูฏาน ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระทันตธาตุ ของพระพุทธเจ้ากัสสปะ (พระพุทธเจ้าองค์ที่ 3) จากราชอาณาจักรภูฏาน มายังประเทศไทยเพื่อให้พุทธศาสนิกชนและพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ ได้มีโอกาสสักการบูชา
ทั้งนี้ ที่จังหวัดขอนแก่น เริ่มเคลื่อนย้ายจากท่าอากาศยานขอนแก่น ไปยังศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เมื่อเวลา 13.00 น.และอัญเชิญประดิษฐานไปยังบุษบก ณ มณฑลพิธีสนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
การเคลื่อนขบวนจากศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ไปมณฑลสนามหน้าศาลากลาง จ.ขอนแก่น เมื่อเวลา 14.00 น.จังหวัดขอนแก่นได้จัดขบวนแถวรถบุปผชาติ รอรับอย่างสมพระเกียรติ ประกอบด้วย ขบวนเชิดสิงโต ของสมาคมกีฬาเชิดสังโตลูกเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น ขบวนวงโยธวาทิต ขบวนเชิญธงชาติ ธงธรรมจักรด้วยทหาร-ตำรวจ พร้อมด้วยขบวนพระภิกษุ อุบาสก-อุบาสิกา เดินนำขบวน มีข้าราชการ พ่อค้า และประชาชน ร่วมขบวนจำนวนมาก
ขบวนอัญเชิญพระทันตธาตุ ได้เคลื่อนขบวนไปตามถนนเส้นหลัก ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อให้ประชาชนที่รอชมขบวนทั้งสองข้างทาง ได้สักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนมุ่งสู่ลานมณฑลพิธี บริเวณสนามศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เพื่อทำพิธีสมโภชและอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนบุษบก ให้พุทธศาสนิกชนชาวขอนแก่น นักท่องเที่ยว และประชาชนทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้กราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งในชีวิต
สำหรับ พระบรมสารีริกธาตุ พระทันตธาตุ ของพระพุทธเจ้ากัสสปะ กำหนดประดิษฐาน ณ มณฑลพิธี ศาลากลางจังหวัดขอนแก่นตั้งแต่วันนี้ (27 ม.ค.) ไปจนถึงวันที่ 9 ก.พ.2555 จากนั้นจะอัญเชิญไปประดิษฐานที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 10-17 ก.พ.ก่อนจะอัญเชิญกลับประเทศภูฏานวันที่ 18 ก.พ.
นายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระทันตธาตุ) ของพระกัสสปะพุทธเจ้า จากราชอาณาจักรภูฎฏาน มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในราชอาณาจักรไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554
โดยอัญเชิญพระทันตธาตุ เสด็จมาประดิษฐานใน 4 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ 8-19 ม.ค.55 ที่วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ภาคใต้ 20-26 ม.ค.55 ที่วัดโคกสมานคุณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดขอนแก่น 27 ม.ค.-9 ก.พ.55 และประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ 11-17 ก.พ.55 ก่อนที่จะอัญเชิญกลับประเทศภูฏานวันที่ 18 ก.พ.นี้
สำหรับพระทันตธาตุ องค์นี้ แม้แต่ประชาชนชาวภูฏานเอง ยังไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าไปสักการะบ่อยๆ เพราะภูฏานมีการเก็บรักษาพระทันตธาตุไว้เป็นอย่างดี จะเปิดให้ประชาชนภูฏานสักการะได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น นับเป็นโอกาสดีประชาชนชาวไทยจะได้สักการะพระทันตธาตุ ซึ่งเป็นครั้งแรกในโลกที่ภูฏานยอมให้มีการอัญเชิญพระทันตธาตุออกนอกประเทศ
ทั้งนี้ ประชาชนในประเทศภูฏาน มีความเชื่อว่า เมื่อพระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ประดิษฐานที่ใด จะนำมาซึ่งความเจริญ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ได้ประสบปัญหาภัยธรรมชาติ และบุญกุศลในการไหว้พระบรมสารีริกธาตุนั้น เสมือนหนึ่งได้เข้าเฝ้ากราบไหว้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยตนเอง ซึ่งเป็นความเชื่ออันยิ่งใหญ่ของชาวภูฏาน