ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แพทย์อนุญาตให้ “หลวงพ่อคูณ” ออกจาก รพ.มหาราชโคราช กลับไปพักฟื้นวัดบ้านไร่ 30 ม.ค.นี้ หลังอาพาธเข้ารักษาวัณโรคปอดมานานเกือบ 9 เดือน พร้อมจัดระเบียบคุมเข้มเข้ากราบนมัสการวันละ 2 ครั้ง ห่าง 2 เมตร ไม่เว้นญาติโยมทั่วไปหรือบุคคลวีไอพี จัดพยาบาลเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ระบุ เลิกเคาะหัวเด็ดขาด ให้จับสายสิญจน์ที่ผูกโยงไว้แทน ด้านหลวงพ่อคูณ บอกไม่ต้องเป็นห่วง กูอยู่ที่ไหนก็ได้ พร้อมให้พรปีใหม่
วันนี้ (26 ม.ค.) ที่ห้องนครชัยขนส่ง ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ สุรคุปต์ ประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ น.พ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา น.พ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมด้วยคณะกรรมการวัดบ้านไร่ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันประชุมหารือในการจัดระเบียบวัดบ้านไร่ และการเข้ากราบนมัสการพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เพื่อกลับไปพักฟื้นที่วัดบ้านไร่ หลังเข้ารักษาอาการอาพาธวัณโรคปอดที่โรงพยาบาลมานานเกือบ 9 เดือน ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.2554
น.พ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าวว่า อาการอาพาธของหลวงพ่อคูณล่าสุดหายเกือบเป็นปกติแล้ว ร่างกายรับอาหารทางสายยางได้ดี น้ำหนักร่างกายอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม 41 กิโลกรัม (กก.) และยังคงที่ โดยคณะแพทย์สามารถควบคุมอาการของโรคที่หลวงพ่อคูณเป็นได้ทุกอย่าง ทั้งโรคเบาหวาน โรคทางสมอง อาการสำลักอาหาร และอาการวัณโรคปอด ที่เป็นสาเหตุให้หลวงพ่อคูณต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม คณะแพทย์ยังต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด และหลวงพ่อคูณยังต้องฉันยารักษาอาการวัณโรคต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 7 เดือน โดยคณะแพทย์ได้อนุญาตให้หลวงพ่อคูณออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักรักษาตัวต่อที่วัดบ้านไร่ได้ในวันจันทร์ที่ 30 ม.ค.2555 เวลา 11.00 น.เนื่องจากเห็นว่าสภาพร่างกายของหลวงพ่อคูณอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และกุฏิที่วัดบ้านไร่ได้มีการปรับปรุงเพื่อรองรับเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกุฏิที่วัดบ้านไร่ได้ถูกปรับปรุงให้มีสภาพแวดล้อมคล้ายกับห้องพักผู้ป่วยพิเศษของหลวงพ่อคูณที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อป้องกันการติดเชื้อได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดนครราชสีมา คณะแพทย์ และคณะกรรมการวัดบ้านไร่ได้ร่วมกันออกกฎระเบียบการปฏิบัติในการเข้ากราบนมัสการหลวงพ่อคูณ หลังจากที่ท่านออกจากโรงพยาบาลกลับไปถึงวัดบ้านไร่แล้ว ซึ่งกฎระเบียบนี้ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่เว้นแม้แต่บุคคลวีไอพี ทั้งข้าราชการระดับสูง นักการเมือง และอื่นๆ ขณะที่หลวงพ่อคูณอยู่วัดบ้านไร่ จะมีเจ้าหน้าที่พยาบาลมาคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
“ที่สำคัญ การกลับวัดบ้านไร่ครั้งนี้หลวงพ่อคูณจะเลิกเคาะหัวญาติโยมโดยเด็ดขาด แต่ทางวัดบ้านไร่จะใช้วิธีให้หลวงพ่อคูณจับปลายด้านหนึ่งของเส้นด้ายสายสิญจน์ และนำเส้นด้ายสายสิญจน์มาผูกโยงไปทั่วบริเวณศาลาการเปรียญ เพื่อให้ญาติโยมจับเส้นด้ายสายสิญจน์อีกด้านแทนการเคาะหัว ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้หลวงพ่อคูณติดเชื้อได้ง่าย โดยห้ามไม่ให้ญาติโยมเข้าใกล้หลวงพ่อคูณในระยะ 2 เมตรอย่างเด็ดขาด รวมทั้งบุคคลวีไอพี และทุกคนที่เข้าไปในศาลาการเปรียญวัดบ้านไร่จะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา” น.พ.ธีรพล กล่าว
น.พ.ธีรพล กล่าวอีกว่า ทางวัดบ้านไร่ได้จัดระเบียบการเข้ากราบนมัสการหลวงพ่อคูณใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่ท่านพักผ่อนและรับอาหารทางสายยาง โดยจะเปิดโอกาสให้ญาติโยมเข้ากราบนมัสการหลวงพ่อคูณได้วันละ 2 ครั้ง คือ ช่วงระยะเวลา 11.00-12.30 น.และ 16.00-18.00 น.ซึ่งแต่ละครั้งจะใช้เวลาไม่นานนักอาจจะ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เพื่อให้หลวงพ่อคูณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
สำหรับกุฏิที่หลวงพ่อจำวัด ซึ่งปรับปรุงใหม่นั้น ภายในห้องมีเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ครบชุด โดยเฉพาะเครื่องเตรียมสำรับอาหาร ซึ่งเป็นเครื่องสำหรับดันเอาอาหารทางสายยางเข้า อุปกรณ์เครื่องตรวจสัญญาณชีพระดับพื้นฐาน เครื่องกายภาพบำบัด เครื่องช่วยชีวิตฉุกเฉิน จะเป็นเครื่องมือใหม่ทั้งหมด จัดซื้อโดยโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาส่วนหนึ่ง และเงินวัดที่ญาติโยมบริจาคอีกส่วนหนึ่ง โดยห้องนี้มีระบบฟอกอากาศวิธีธรรมชาติ มีการเปิดให้อากาศผ่านเข้าออกถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันไม่ให้คนไปแพร่เชื้อ
ด้าน พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ หลังทราบว่าคณะแพทย์ได้อนุญาตให้กลับไปพักรักษาตัวที่วัดบ้านไร่ได้แล้ว หลวงพ่อมีอารมณ์ดีขึ้น สดชื่น และยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกันนี้หลวงพ่อคูณ ได้ฝากบอกญาติโยมผ่านสื่อมวลชนว่า ไม่ต้องเป็นห่วงกู กูอยู่ก็ได้ ไปก็ได้ ไม่เป็นไรด๊อก อยู่บ่อนไหนก็แผ่นดินไทยคือกัน ดีหมดแหละหลานเอ๊ย ถึงตอนนี้ไม่ต้องบอกญาติโยมด๊อก เขารู้กันทั่วแผ่นดินแล้ว
นอกจากนี้ หลวงพ่อคูณยังกล่าวอวยพรปีใหม่ ว่า ปีใหม่ ปีเก่าก็กินข้าวคือกัน พร้อมกันนี้ หลวงพ่อคูณ ยังได้สวดมนต์ให้พรศิษยานุศิษย์ที่เป็นห่วง จากนั้นได้เข้าห้องเพื่อทำกายภาพบำบัดด้วยการปั่นจักรยาน