ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - หอการค้าเชียงใหม่ชง 3 เรื่องเสนอ ครม.สัญจร “ลอจิสติกส์” ชงรถไฟความเร็วสูง-มอเตอร์เวย์เชียงใหม่-เชียงราย-เปิดด่านถาวรกิ่วผาวอก ด้าน “ท่องเที่ยว” จี้ รัฐทำแผนบริหารศูนย์ประชุมฯ-ขยายวีซ่านักท่องเที่ยวลองสเตย์ ส่วน “นวัตกรรม” เสนอเปิด Northern Science Park ที่เชียงใหม่หนุนค้นคว้าวิจัย
นายณรงค์ คองประเสริฐ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงการนำเสนอแนวทางการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ของภาคเอกชนต่อคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 14 ม.ค.ว่า ในส่วนของหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่เตรียมที่จะผลักดันใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การยกระดับโครงข่ายคมนาคมและโลจิสติกส์ การพัฒนาการท่องเที่ยว และการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ในส่วนของการยกระดับโครงข่ายคมนาคมและลอจิสติกส์ จะผลักดันให้รัฐบาลเร่งดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นระบบคมนาคมขนส่งที่สามารถนำคนจำนวนมากเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งจะเป็นผลดีทั้งต่อการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ภาคเอกชนคาดหวังว่าอยากจะเห็นรถไฟความเร็วสูงเกิดขึ้นได้ภายใน 7 ปี จึงต้องผลักดันให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับโครงการดังกล่าว เพราะการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงนั้น จะทำในแบบ PPP ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน หากภาครัฐไม่มีการสนับสนุนอย่างจริงจังก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ และเมื่อโครงการเดินหน้าแล้ว รัฐก็จำเป็นจะต้องคัดเลือกคู่สัญญาที่สามารถนำเสนอเทคโนโลยีรถไฟที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ดีที่สุดด้วย
ขณะเดียวกัน ยังเตรียมที่จะเสนอให้รัฐบาลสำรวจเส้นทาง เพื่อสร้างเส้นทางมอเตอร์เวย์สายเชียงใหม่-เชียงราย โดยเส้นทางใหม่นี้จะใช้เวลาในการเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง จากเดิมที่การเดินทางระหว่างเชียงใหม่-เชียงรายต้องใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง หากมีเส้นทางดังกล่าวเกิดขึ้น จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงแอ่งเศรษฐกิจที่สำคัญทั้งสองแอ่งในภาคเหนือ คือ เชียงใหม่และเชียงรายเข้าด้วยกัน เนื่องจากในปัจจุบันเส้นทาง R3A ไม่ได้ผ่านจังหวัดเชียงใหม่ ในระยะยาวหากไม่มีการเชื่อมโยงกันจะทำให้เชียงใหม่สูญเสียโอกาสในการเชื่อมโยงกับประเทศอื่นๆ ในเขตอนุภูมิภาค
นายณรงค์ กล่าวต่อไปว่า หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ยังจะเสนอให้จังหวัดเชียงใหม่ยกระดับจุดผ่อนปรนกิ่วผาวอกเป็นด่านถาวร เนื่องจากหากมีการตั้งด่านถาวร ณ จุดดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในการเชื่อมโยงกับตลาดในประเทศพม่า และสามารถเชื่อมโยงไปถึงเมืองตองจีซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐฉานได้อีกด้วย โดยในจุดนี้จากการศึกษาพบว่าหากมีการเปิดด่านทำการค้าขายจะสามารถสร้างรายได้ได้ถึงปีละกว่า 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับประเด็นด้านการท่องเที่ยว นายณรงค์ กล่าวว่า ภาคเอกชนเตรียมที่จะสอบถามถึงความชัดเจนในการบริหารจัดการศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว โดยจะเสนอให้การบริหารจัดการควรจะมีทุกภาคส่วน โดยเฉพาะคนในท้องถิ่นเข้าไปมีส่วนร่วม รวมไปถึงมีการจัดสรรราคาพิเศษในการเช่าใช้พื้นที่สำหรับคนในท้องถิ่นและการเสียภาษีกลับคืนสู่ท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะเสนอให้รัฐบาลประกาศให้ปี 2556 เป็นปีแห่ง MICE เพื่อกระตุ้นตลาดและประชาสัมพันธ์ศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้านานาชาติที่เชียงใหม่ด้วย
ขณะเดียวกัน ยังเตรียมที่จะเสนอให้รัฐบาลแก้ไขระเบียบของภาครัฐ ในเรื่องการออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุที่เข้ามาพำนักในระยะยาว เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้สร้างรายได้ให้กับภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านรัฐกลับออกวีซ่าให้นักท่องเที่ยวเพียงปีเดียว ต่างจากในมาเลเซียที่ออกวีซ่าให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้นานถึง 10 ปี จึงเตรียมจะหารือกับภาครัฐเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีผลักดันให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นเขตท่องเที่ยวพิเศษ สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มพำนักระยะยาว พร้อมทั้งขยายการออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็น 3 ปีแทน
ส่วนประเด็นสุดท้ายในเรื่องของการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ภาคเอกชนจะเสนอให้รัฐบาลจัดตั้ง Northern Science Park ขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเชื่อมโยงมหาวิทยาลัยทั้ง 8 แห่งในพื้นที่ นำโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาร่วมกันพัฒนาการค้นคว้าวิจัยและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ เช่น ด้านไบโอเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและยา เป็นต้น เนื่องจากในอนาคตการพัฒนานั้นจำเป็นต้องอาศัยความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยเข้ามาช่วย ประกอบกับในภาคเหนือก็มีองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่นภูมิปัญญาล้านนา รวมถึงทรัพยากรที่เหมาะสมอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมีการค้นคว้าวิจัยที่มีประสิทธิภาพก็จะสามารถนำไปต่อยอดในเชิงเศรษฐกิจได้
นายณรงค์ คองประเสริฐ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงการนำเสนอแนวทางการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ของภาคเอกชนต่อคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 14 ม.ค.ว่า ในส่วนของหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่เตรียมที่จะผลักดันใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การยกระดับโครงข่ายคมนาคมและโลจิสติกส์ การพัฒนาการท่องเที่ยว และการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ในส่วนของการยกระดับโครงข่ายคมนาคมและลอจิสติกส์ จะผลักดันให้รัฐบาลเร่งดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นระบบคมนาคมขนส่งที่สามารถนำคนจำนวนมากเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งจะเป็นผลดีทั้งต่อการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ภาคเอกชนคาดหวังว่าอยากจะเห็นรถไฟความเร็วสูงเกิดขึ้นได้ภายใน 7 ปี จึงต้องผลักดันให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับโครงการดังกล่าว เพราะการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงนั้น จะทำในแบบ PPP ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน หากภาครัฐไม่มีการสนับสนุนอย่างจริงจังก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ และเมื่อโครงการเดินหน้าแล้ว รัฐก็จำเป็นจะต้องคัดเลือกคู่สัญญาที่สามารถนำเสนอเทคโนโลยีรถไฟที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ดีที่สุดด้วย
ขณะเดียวกัน ยังเตรียมที่จะเสนอให้รัฐบาลสำรวจเส้นทาง เพื่อสร้างเส้นทางมอเตอร์เวย์สายเชียงใหม่-เชียงราย โดยเส้นทางใหม่นี้จะใช้เวลาในการเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง จากเดิมที่การเดินทางระหว่างเชียงใหม่-เชียงรายต้องใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง หากมีเส้นทางดังกล่าวเกิดขึ้น จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงแอ่งเศรษฐกิจที่สำคัญทั้งสองแอ่งในภาคเหนือ คือ เชียงใหม่และเชียงรายเข้าด้วยกัน เนื่องจากในปัจจุบันเส้นทาง R3A ไม่ได้ผ่านจังหวัดเชียงใหม่ ในระยะยาวหากไม่มีการเชื่อมโยงกันจะทำให้เชียงใหม่สูญเสียโอกาสในการเชื่อมโยงกับประเทศอื่นๆ ในเขตอนุภูมิภาค
นายณรงค์ กล่าวต่อไปว่า หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ยังจะเสนอให้จังหวัดเชียงใหม่ยกระดับจุดผ่อนปรนกิ่วผาวอกเป็นด่านถาวร เนื่องจากหากมีการตั้งด่านถาวร ณ จุดดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในการเชื่อมโยงกับตลาดในประเทศพม่า และสามารถเชื่อมโยงไปถึงเมืองตองจีซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐฉานได้อีกด้วย โดยในจุดนี้จากการศึกษาพบว่าหากมีการเปิดด่านทำการค้าขายจะสามารถสร้างรายได้ได้ถึงปีละกว่า 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับประเด็นด้านการท่องเที่ยว นายณรงค์ กล่าวว่า ภาคเอกชนเตรียมที่จะสอบถามถึงความชัดเจนในการบริหารจัดการศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว โดยจะเสนอให้การบริหารจัดการควรจะมีทุกภาคส่วน โดยเฉพาะคนในท้องถิ่นเข้าไปมีส่วนร่วม รวมไปถึงมีการจัดสรรราคาพิเศษในการเช่าใช้พื้นที่สำหรับคนในท้องถิ่นและการเสียภาษีกลับคืนสู่ท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะเสนอให้รัฐบาลประกาศให้ปี 2556 เป็นปีแห่ง MICE เพื่อกระตุ้นตลาดและประชาสัมพันธ์ศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้านานาชาติที่เชียงใหม่ด้วย
ขณะเดียวกัน ยังเตรียมที่จะเสนอให้รัฐบาลแก้ไขระเบียบของภาครัฐ ในเรื่องการออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุที่เข้ามาพำนักในระยะยาว เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้สร้างรายได้ให้กับภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านรัฐกลับออกวีซ่าให้นักท่องเที่ยวเพียงปีเดียว ต่างจากในมาเลเซียที่ออกวีซ่าให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้นานถึง 10 ปี จึงเตรียมจะหารือกับภาครัฐเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีผลักดันให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นเขตท่องเที่ยวพิเศษ สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มพำนักระยะยาว พร้อมทั้งขยายการออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็น 3 ปีแทน
ส่วนประเด็นสุดท้ายในเรื่องของการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ภาคเอกชนจะเสนอให้รัฐบาลจัดตั้ง Northern Science Park ขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเชื่อมโยงมหาวิทยาลัยทั้ง 8 แห่งในพื้นที่ นำโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาร่วมกันพัฒนาการค้นคว้าวิจัยและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ เช่น ด้านไบโอเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและยา เป็นต้น เนื่องจากในอนาคตการพัฒนานั้นจำเป็นต้องอาศัยความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยเข้ามาช่วย ประกอบกับในภาคเหนือก็มีองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่นภูมิปัญญาล้านนา รวมถึงทรัพยากรที่เหมาะสมอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมีการค้นคว้าวิจัยที่มีประสิทธิภาพก็จะสามารถนำไปต่อยอดในเชิงเศรษฐกิจได้
