xs
xsm
sm
md
lg

ศรีสะเกษลั่นยอมไม่ได้เด็ดขาดถอนทหารพ้น “เขาวิหาร” - ทำไทยเสียดินแดน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปราสาทพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ (แฟ้มภาพ)
ศรีสะเกษ - “คปศ.” องค์กรภาคเอกชนศรีสะเกษ ย้ำ ห้ามถอนกำลังทหารไทยออกจากเขาพระวิหาร ตามคำสั่งของศาลโลก และไม่เห็นด้วยนำ ตร.-ตชด.เข้าไปแทนทหารหลัก เผย ไม่เชื่อจิ้งจอกเขมรจะยอมถอนทหาร-พลเรือน พ้นเขาพระวิหาร-ภูมะเขือจริง พร้อมยกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชี้ชัดเขาพระวิหารเป็นของไทย 100 % ลั่นจะถอนทหารออกมาให้ไทยเสียดินแดนอีก ยอมไม่ได้เด็ดขาด



วันนี้ (8 ม.ค.) จากกรณีขณะนี้มีข่าวเรื่องรัฐบาลไทยกับกัมพูชาได้แต่งตั้งตัวแทนเพื่อเจรจาในระดับทวิภาคี เรื่องการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร เขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตามคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก เพื่อลดความตึงเครียด และหลีกเลี่ยงการใช้กำลังทางทหารต่อกัน นั้น

นายอรุณศักดิ์ โอชารส เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ (คปศ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ประชาชนชาวศรีสะเกษได้จัดทำประชาพิจารณ์ต่อกรณีดังกล่าว ผลปรากฏว่าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่เขาพระวิหารตามคำสั่งของศาลโลก เพราะถือว่ากรณีปราสาทพระวิหารนั้นศาลโลกได้หมดอำนาจแล้ว เนื่องจากคดีนี้ได้หมดอายุความไปนานแล้ว ซึ่งประชาชนชาวไทยโดยเฉพาะชาว จ.ศรีสะเกษ ยันยันว่า พื้นที่เขาพระวิหารเป็นของประเทศไทย ประเทศกัมพูชามีสิทธิ์ครอบครองได้เพียงตัวปราสาทตามคำตัดสินของศาลโลกเท่านั้น

นายอรุณศักดิ์ กล่าวต่อว่า กรณีที่ทางรัฐบาลได้ชี้แจงว่าทางไทยเราไม่ได้มีการถอนกำลังทหาร แต่จะมีการปรับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เข้าไปทำหน้าที่แทนทหารหลักนั้น ตนก็ไม่เห็นด้วย เพราะประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เชื่อว่าทางฝ่ายกัมพูชาเขาไม่ยอมถอนกำลังทหาร รวมทั้งพลเมืองของเขาออกจากพื้นที่ตามคำสั่งของศาลโลกอย่างแน่นอน หากทางกัมพูชายอมถอนกำลังทหารและพลเรืองออกจากพื้นที่เขาพระวิหาร ไม่ว่าจะเป็นวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ภูมะเขือ และฐาน ตชด.เก่าของไทย ก่อนที่ผู้สังเกตการณ์จากประเทศอินโดนีเซียจะเข้ามา ก็ไม่แน่ว่าทางเราอาจจะเปลี่ยนจุดยืน ยอมให้ถอนกำลังทหารของฝ่ายเราด้วยก็ได้ แต่ถ้าเขาไม่ถอนแล้วทางเราถอนออกไป ก็เท่ากับว่า เราจะเป็นฝ่ายยอมฝ่ายเดียว

ทั้งนี้ จริงๆ แล้ว เรามีหลักฐานที่ชัดเจนว่า พื้นที่ที่กำลังเป็นกรณีพิพาทกันอยู่นั้น เดิมเป็นที่ตั้งของเมืองมโนไพร โดยในปี พ.ศ.2388 พระยาขุขันธ์ภักดีฯ (เกา) เจ้าเมืองขุขันธ์ ได้ขอตั้งบ้านบ้านไพรตระหมัก หรือบ้านดาสีขึ้นเป็นเมืองมโนไพร และขอตั้งหลวงภักดีจำนงค์ (พรหม) เสมียนตราเมืองขุขันธ์เป็นเจ้าเมือง โปรดเกล้าฯ ให้หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ เป็นข้าหลวงขึ้นไปแบ่งปันเขตแดนระหว่างเมืองขุขันธ์กับเมืองจำปาศักดิ์ ให้เป็นเขตแดนเมืองมโนไพร

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2410 พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน (วัง) กราบบังคมทูลขอแต่งตั้งบ้านลำแสนไพรอาบาล และ บ้านกันตวด ต.ห้วยอุทุมพรเชิงเขาตก ขึ้นเป็นเมือง จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านลำแสน ต.ห้วยแสนไพรอาบาล เป็นเมืองกันทรลักษ์ และโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบ้านกันตวด ต.ห้วยอุทุมพร เป็นเมืองอุทุมพรพิสัย ซึ่งเดิมเมืองเหล่านี้ ปัจจุบัน คือ อ.จอมกระสาน จ.กำปงทม ของกัมพูชา

“การที่ต้องยกประวัติศาสตร์เมืองเก่าในอดีต ก่อนที่จะเป็น จ.ศรีสะเกษ ปัจจุบันนี้มาพูดเพื่ออยากจะสะท้อนให้เห็นว่า เราไม่ได้ต่อสู้เรื่องนี้เพียงปากเปล่า แต่ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานเป็นเชิงวิชาการไว้อย่างชัดเจน” นายอรุณศักดิ์ กล่าว

นายอรุณศักดิ์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่พื้นที่เหล่านี้ถูกย้ายมาตั้งขึ้นใหม่ในระยะหลังนั้นก็เนื่องจากว่า ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมฝรั่งเศสจะยึดจันทบุรี ตราด รัชกาลที่ 5 จึงยอมยกเสียมราฐ พระตะบอง ศรีโสภณให้ เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน และมีข้อตกลงชัดเจนว่า ให้เราถอยร่นกลับออกมาโดยใช้แนวหน้าผาสูงชัน และสันปันน้ำเป็นแนวเขตแดนทางธรรมชาติตามหลักสากล

“นั่นหมายถึง เขาพระวิหารทั้งลูกก็เป็นของเรา ปราสาทพระวิหารเราเสียให้กัมพูชา เนื่องจากแพ้คดีศาลโลก แต่ดินแดนโดยรอบยังเป็นของไทยเรา จะถอนกำลังทหารออกมาให้เสียดินแดนอีก เราคงยอมไม่ได้เด็ดขาด” นายอรุณศักดิ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น