ตาก - ชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือ “เบาะแส” ถือหนังสือคำสั่งเจ้าคณะตำบล บุกรื้อสถานประกอบศาสนกิจฮินดูในวัดป่าฯแม่สอด อ้างมีพระต่างด้าวอาศัย ทำศรัทธาชาวฮินดูแม่สอดกว่า 200 คนไม่พอใจ ถาม “คนฮินดู”ทำใครเดือดร้อน ขณะที่ จนท.ตำรวจ-ตชด.ส่งกำลังนับร้อยเข้าป้องกันเหตุ
รายงานข่าวจากจังหวัดตาก แจ้งว่า วันนี้ (5 ม.ค.55) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก สนธิกำลังกับตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 อ.แม่สอด กว่า 100 นายเข้าไปยังวัดภาวนานิยมาราม (วัดป่าเก่า) ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด ที่มีสถานประกอบศาสนกิจของชาวฮินดู อยู่ในวัด เพื่อรักษาความสงบให้กลุ่มผู้ใช้ชื่อว่า หนังสือพิมพ์เบาะแส และกลุ่มผู้สื่อข่าวกว่า 10 คนที่เข้าไปขนอุปกรณ์เครื่องพิมพ์ กระเป๋าเสื้อผ้า และทรัพย์สินอื่นๆ ของชาวฮินดู นำขึ้นรถยนต์กระบะที่ติดโลโก้ ข่าวเบาะแส นำออกจากวัดไป ท่ามกลางผู้ศรัทธาวัด และชาวฮินดู นับ 100 คน ยืนมองด้วยความไม่พอใจ
โดยทางกลุ่มหนังสือพิมพ์เบาะแส อ้างว่า ได้รับมอบหมายจากพระครูสุนทร จริยคูณ เจ้าคณะตำบลแม่สอด ให้ดำเนินการกับวัดป่า เพราะมีพระต่างด้าวเข้ามาอาศัยอยู่ภายในวัด
ด้านนายสมศักดิ์ สะมะโน หัวหน้าสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดตากกล่าวว่า วัดดังกล่าวได้เกิดปัญหามาตั้งแต่ปี 2547 โดยทางศรัทธาวัดกลุ่มหนึ่งได้ตั้งพระพม่าเป็นเจ้าอาวาส ขณะที่มีการเสนอตั้งพระไทย ก็ไม่ยอมรับ จึงคาราคาซังมานาน พอร้องไปที่สำนักงานพุทธศาสนา ก็ไม่ได้รับการแก้ไขจนถึงขณะนี้ ซึ่งจากนี้ไปต้องแก้ปัญหาโดยการประชุมร่วมกันในระดับอำเภอจนถึงระดับจังหวัด ซึ่งขณะนี้ได้รับคำสั่งจากเจ้าคณะจังหวัดตากให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และวัดภาวนานิยมารามจะขาดเจ้าอาวาสไม่ได้ หากขาดเจ้าอาวาสก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้
ส่วนในหนังสือที่มีมติให้รื้อวัดฮินดูนั้นนายสมศักดิ์ ย้ำว่า ยังไม่ให้รื้อ ต้องหารือกันหลายฝ่ายก่อน เพราะทำร้ายจิตใจกันมีปัญหาแน่
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า กรณีที่มีการทอดผ้าป่าทับซ้อนกันโดยกลุ่มเบาะแสเข้าไปมีส่วนร่วม และชิงทอดผ้าป่าก่อนนั้น ตนทราบข่าวแล้ว แต่เมื่อมีเจ้าอาวาสเป็นพระต่างด้าว ก็มีปัญหา เพราะเจ้าอาวาสต้องเป็นคนไทย มีเลขบัตรประจำตัวประชาชน แต่การตั้งแบบเอาหนังสือมายืนยันนั้นถือว่าไม่ถูกต้อง และในกรณีที่ไม่ฟังกันตนก็ไม่ทราบว่า จะอธิบายต่อไปอย่างไร เพราะจริงๆแล้วต้องเป็นพระไทย หากเป็นพระต่างด้าวเมื่อมีหนังสือเดินทาง สามารถเข้ามาศึกษาวิชาได้ ซึ่งทางสำนักงานพุทธศาสนาได้มอบอำนาจให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดตาก สามารถต่อหนังสือเดินทางได้ แต่ไม่ได้มาเป็นผู้ปกครองคณะสงฆ์
ด้านนายไมลา อาจารย์กุล แกนนำผู้นับถือศาสนาฮินดูในแม่สอดกล่าวว่า ถามว่า คนที่นับถือศาสนาฮินดูได้สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร เขาอาศัยอยู่ในวัดภาวนานิยมารามมานานถึง 15 ปีแล้ว แต่ตอนนี้จะไปรื้อวัดกัน ทั้งที่พุทธกับฮินดูก็อยู่ด้วยกัน และไม่มีการเชิญฝ่ายฮินดูเข้าประชุม อยากทราบว่าทำไม ส่วนคนที่เข้าไปเอาทรัพย์สินในวัดอ้างว่า ใหญ่กว่านายอำเภอ ใหญ่กว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ทราบแต่ว่า เป็นกลุ่มเบาะแส
อย่างไรก็ดี ขณะนี้กลุ่มเบาะแสยังคงอยู่ในวัดป่าเก่า ขณะที่มวลชน ผู้ศรัทธาวัดทั้งชาวไทยพุทธ และกลุ่มผู้นับถือศาสนาฮินดูกว่า 200 คน ยังคงกระจายอยู่ในวัดเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มเบาะแสเข้าไปรื้อวัดฮินดู เช่นเดียวกับทางตำรวจยังคงตรึงกำลังอยู่ในวัด เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง
รายงานข่าวจากจังหวัดตาก แจ้งว่า วันนี้ (5 ม.ค.55) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก สนธิกำลังกับตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 อ.แม่สอด กว่า 100 นายเข้าไปยังวัดภาวนานิยมาราม (วัดป่าเก่า) ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด ที่มีสถานประกอบศาสนกิจของชาวฮินดู อยู่ในวัด เพื่อรักษาความสงบให้กลุ่มผู้ใช้ชื่อว่า หนังสือพิมพ์เบาะแส และกลุ่มผู้สื่อข่าวกว่า 10 คนที่เข้าไปขนอุปกรณ์เครื่องพิมพ์ กระเป๋าเสื้อผ้า และทรัพย์สินอื่นๆ ของชาวฮินดู นำขึ้นรถยนต์กระบะที่ติดโลโก้ ข่าวเบาะแส นำออกจากวัดไป ท่ามกลางผู้ศรัทธาวัด และชาวฮินดู นับ 100 คน ยืนมองด้วยความไม่พอใจ
โดยทางกลุ่มหนังสือพิมพ์เบาะแส อ้างว่า ได้รับมอบหมายจากพระครูสุนทร จริยคูณ เจ้าคณะตำบลแม่สอด ให้ดำเนินการกับวัดป่า เพราะมีพระต่างด้าวเข้ามาอาศัยอยู่ภายในวัด
ด้านนายสมศักดิ์ สะมะโน หัวหน้าสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดตากกล่าวว่า วัดดังกล่าวได้เกิดปัญหามาตั้งแต่ปี 2547 โดยทางศรัทธาวัดกลุ่มหนึ่งได้ตั้งพระพม่าเป็นเจ้าอาวาส ขณะที่มีการเสนอตั้งพระไทย ก็ไม่ยอมรับ จึงคาราคาซังมานาน พอร้องไปที่สำนักงานพุทธศาสนา ก็ไม่ได้รับการแก้ไขจนถึงขณะนี้ ซึ่งจากนี้ไปต้องแก้ปัญหาโดยการประชุมร่วมกันในระดับอำเภอจนถึงระดับจังหวัด ซึ่งขณะนี้ได้รับคำสั่งจากเจ้าคณะจังหวัดตากให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และวัดภาวนานิยมารามจะขาดเจ้าอาวาสไม่ได้ หากขาดเจ้าอาวาสก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้
ส่วนในหนังสือที่มีมติให้รื้อวัดฮินดูนั้นนายสมศักดิ์ ย้ำว่า ยังไม่ให้รื้อ ต้องหารือกันหลายฝ่ายก่อน เพราะทำร้ายจิตใจกันมีปัญหาแน่
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า กรณีที่มีการทอดผ้าป่าทับซ้อนกันโดยกลุ่มเบาะแสเข้าไปมีส่วนร่วม และชิงทอดผ้าป่าก่อนนั้น ตนทราบข่าวแล้ว แต่เมื่อมีเจ้าอาวาสเป็นพระต่างด้าว ก็มีปัญหา เพราะเจ้าอาวาสต้องเป็นคนไทย มีเลขบัตรประจำตัวประชาชน แต่การตั้งแบบเอาหนังสือมายืนยันนั้นถือว่าไม่ถูกต้อง และในกรณีที่ไม่ฟังกันตนก็ไม่ทราบว่า จะอธิบายต่อไปอย่างไร เพราะจริงๆแล้วต้องเป็นพระไทย หากเป็นพระต่างด้าวเมื่อมีหนังสือเดินทาง สามารถเข้ามาศึกษาวิชาได้ ซึ่งทางสำนักงานพุทธศาสนาได้มอบอำนาจให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดตาก สามารถต่อหนังสือเดินทางได้ แต่ไม่ได้มาเป็นผู้ปกครองคณะสงฆ์
ด้านนายไมลา อาจารย์กุล แกนนำผู้นับถือศาสนาฮินดูในแม่สอดกล่าวว่า ถามว่า คนที่นับถือศาสนาฮินดูได้สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร เขาอาศัยอยู่ในวัดภาวนานิยมารามมานานถึง 15 ปีแล้ว แต่ตอนนี้จะไปรื้อวัดกัน ทั้งที่พุทธกับฮินดูก็อยู่ด้วยกัน และไม่มีการเชิญฝ่ายฮินดูเข้าประชุม อยากทราบว่าทำไม ส่วนคนที่เข้าไปเอาทรัพย์สินในวัดอ้างว่า ใหญ่กว่านายอำเภอ ใหญ่กว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ทราบแต่ว่า เป็นกลุ่มเบาะแส
อย่างไรก็ดี ขณะนี้กลุ่มเบาะแสยังคงอยู่ในวัดป่าเก่า ขณะที่มวลชน ผู้ศรัทธาวัดทั้งชาวไทยพุทธ และกลุ่มผู้นับถือศาสนาฮินดูกว่า 200 คน ยังคงกระจายอยู่ในวัดเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มเบาะแสเข้าไปรื้อวัดฮินดู เช่นเดียวกับทางตำรวจยังคงตรึงกำลังอยู่ในวัด เพื่อป้องกันเหตุรุนแรง
