พะเยา - เผยผลหารือระหว่างตำรวจ-ผู้นำท้องถิ่น-ชาวบ้าน ในสภากาแฟ เชียงคำ ชาวบ้านสะท้อนยาเสพติดยอดพุ่ง เผย ยอดนักโทษคดียาเสพติดติดคุกกว่า 300-400 คนต่อปี ตร.แนะผู้ปกครองหารือนำลูกหลานติดยาบำบัด หากถูกจับประวัติเสีย
พ.ต.อ.มาโนช มีสกุลคุณ ผกก.สภ.เชียงคำ จ.พะเยา กล่าวว่า ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่เน้นให้ตำรวจใกล้ชิดประชาชน ดังนั้น ทาง สภ.เชียงคำ จึงได้ดำเนินการกิจกรรมภายใต้โครงการดังกล่าว โดยใช้ชื่อโครงการสภากาแฟ ซึ่งตนได้ไปร่วมสภากาแฟกับผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ ประชาชน กลุ่มอาสาสมัครต่างๆ ใน 11 ตำบลของ อ.เชียงคำ แต่ละตำบลจะมีผู้นำและประชาชนเข้ามาร่วมสภากาแฟไม่น้อยกว่าตำบลละ 100 คน
หลังจากที่จัดทำสภากาแฟครบทุกตำบลแล้ว ตนได้รับทราบข้อมูลที่ประชาชนร่วมสภา สะท้อนให้ทราบว่า สิ่งที่เป็นห่วง คือ เรื่องของยาเสพติดที่มีแนวโน้มคดีมากขึ้น ผู้เสพถูกจับกุมแทบทุกวัน ตรงนี้เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ทั้งตำรวจและประชาชนก็เป็นห่วงปัญหาดังกล่าวเหมือนกัน
ผกก.สภ.เชียงคำ กล่าวต่อว่า กรณีที่มียอดรายงานจากเรือนจำจังหวัดพะเยาว่าผู้ที่ถูกจำคุกในคดียาเสพติดนั้น เป็นผู้ต้องขังในพื้นที่ อ.เชียงคำ ในคดียาเสพติดปีละจำนวน 300-400 คน ตรงนี้เป็นยอดตัวเลขจริง เพราะจะสังเกตพบว่ามีผู้ค้ารายย่อย ผู้เสพเพิ่มขึ้น จากสถิติของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างเข้มงวดในการปราบปราม
ซึ่งปัญหาดังกล่าวลำพังแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีอยู่ประมาณ 100 นาย คงไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง เพราะประชากรใน อ.เชียงคำ มีสูงถึงกว่า 70,000-80,000 คน ดังนั้นภาคประชาชนก็ต้องเข้ามาช่วยกันดูแลสังคมของเชียงคำร่วมกันด้วย
“สำหรับผู้ปกครองที่มีลูกหลานซึ่งหากทราบว่าติดยา หรือเป็นผู้เสพยาเสพติด สามารถติดต่อมาที่ สภ.เชียงคำ หรือโดยตรงที่ผม เพื่อหารือและร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจปัสสาวะ เมื่อพบมีสารเสพติดก็สามารถส่งเข้าสู่กระบวนการบำบัดในส่วนของผู้ป่วยได้ต่อไปโดยที่เด็กหรือเยาวชนไม่เสียประวัติ แต่หากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้จะต้องถูกดำเนินคดีและเป็นผลเสียต่อประวัติเด็กด้วย” พ.ต.อ.มาโนช กล่าว
พ.ต.อ.มาโนช มีสกุลคุณ ผกก.สภ.เชียงคำ จ.พะเยา กล่าวว่า ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่เน้นให้ตำรวจใกล้ชิดประชาชน ดังนั้น ทาง สภ.เชียงคำ จึงได้ดำเนินการกิจกรรมภายใต้โครงการดังกล่าว โดยใช้ชื่อโครงการสภากาแฟ ซึ่งตนได้ไปร่วมสภากาแฟกับผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ ประชาชน กลุ่มอาสาสมัครต่างๆ ใน 11 ตำบลของ อ.เชียงคำ แต่ละตำบลจะมีผู้นำและประชาชนเข้ามาร่วมสภากาแฟไม่น้อยกว่าตำบลละ 100 คน
หลังจากที่จัดทำสภากาแฟครบทุกตำบลแล้ว ตนได้รับทราบข้อมูลที่ประชาชนร่วมสภา สะท้อนให้ทราบว่า สิ่งที่เป็นห่วง คือ เรื่องของยาเสพติดที่มีแนวโน้มคดีมากขึ้น ผู้เสพถูกจับกุมแทบทุกวัน ตรงนี้เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ทั้งตำรวจและประชาชนก็เป็นห่วงปัญหาดังกล่าวเหมือนกัน
ผกก.สภ.เชียงคำ กล่าวต่อว่า กรณีที่มียอดรายงานจากเรือนจำจังหวัดพะเยาว่าผู้ที่ถูกจำคุกในคดียาเสพติดนั้น เป็นผู้ต้องขังในพื้นที่ อ.เชียงคำ ในคดียาเสพติดปีละจำนวน 300-400 คน ตรงนี้เป็นยอดตัวเลขจริง เพราะจะสังเกตพบว่ามีผู้ค้ารายย่อย ผู้เสพเพิ่มขึ้น จากสถิติของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างเข้มงวดในการปราบปราม
ซึ่งปัญหาดังกล่าวลำพังแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีอยู่ประมาณ 100 นาย คงไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง เพราะประชากรใน อ.เชียงคำ มีสูงถึงกว่า 70,000-80,000 คน ดังนั้นภาคประชาชนก็ต้องเข้ามาช่วยกันดูแลสังคมของเชียงคำร่วมกันด้วย
“สำหรับผู้ปกครองที่มีลูกหลานซึ่งหากทราบว่าติดยา หรือเป็นผู้เสพยาเสพติด สามารถติดต่อมาที่ สภ.เชียงคำ หรือโดยตรงที่ผม เพื่อหารือและร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจปัสสาวะ เมื่อพบมีสารเสพติดก็สามารถส่งเข้าสู่กระบวนการบำบัดในส่วนของผู้ป่วยได้ต่อไปโดยที่เด็กหรือเยาวชนไม่เสียประวัติ แต่หากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้จะต้องถูกดำเนินคดีและเป็นผลเสียต่อประวัติเด็กด้วย” พ.ต.อ.มาโนช กล่าว