พิษณุโลก - ผู้รับเหมาจับมือตำรวจพิษณุโลก ซ้อนแผนจับนายก อบต.ส่งท้ายปีกระต่าย หลังเรียกรับเงิน 10% แลกเซ็นเช็คจ่ายค่าจ้างเหมาก่อสร้าง
พล.ต.ต.ธรรมนูญ เพชรบุรีกุล ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก ได้รับแจ้งจากนางจีรพรรณ แก้วกันหา อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 3 ต.ป่าแดง อ.ชาติตระการ จว.พิษณุโลก พร้อมด้วยเจ้าพนักงาน ป.ป.ช.ว่า นางจีรพรรณ เป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด แก้วกันหาพัฒนาธุรกิจ ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนผิวจราจรหินคลุกสามแยกถนนลาดยางบ้านศรีจันทร์-ป่าช้าสาธารณะ หมู่ 8 ต.ท่าสะแก อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ซึ่งบัดนี้ได้ดำเนินการตามโครงการเสร็จสิ้นแล้ว นางจีรพรรณ ได้ติดต่อขอรับเงินค้าจ้างจาก อบต.ท่าสะแก กับนายวชิระ แสงสิงห์ นายก อบต.ท่าสะแก เพื่อขอรับเงินค่าดำเนินการตามโครงการดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2554
และต่อมาได้รับแจ้งจากนายวชิระ แสงสิงห์ ว่าให้นำเงินสดจำนวน 10,000 บาทไปแลกกับเช็คค่าจ้างงาน ซึ่งนายวชิระ จะเซ็นเช็คให้ก่อนสิ้นปี 2554 นี้หากเลยกำหนดจะไม่ออกเช็คค่าจ้างงานฯให้ และจะขอทำการตรวจสอบงานตามโครงการฯและนายวชิระ ให้นำเงินตามข้อเสนอดังกล่าวไปให้ภายในวันสองวันนี้ ซึ่งนางจีรพรรณ เกิดความเสียหาย จึงขอให้ดำเนินการตามกฎหมายด้วย
พล.ต.ต.ธรรมนูญ จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.สุชาติ โสรัจจ์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.พิษณุโลก, พ.ต.อ.พชร คำมาเมือง พงส.(สบ 4) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.พิษณุโลก พร้อมกับพวก ดำเนินการวางแผนทำการจับกุม โดยได้นำธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับละ 1,000 บาท รวม 10,000 บาท ถ่ายเอกสารและแจ้งนำลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก
จากนั้นจึงได้ร่วมกันประชุมวางแผนที่ ภ.จว.พิษณุโลก พร้อมกับนางจีรพรรณ ผู้เสียหาย และผู้สังเกตการณ์ ชุด ป.ป.ช. ประกอบด้วยนายพิเศษ นาคะพันธ์ เจ้าพนักงานปราบปรามการทุจริตเชี่ยวชาญ รักษาราชการแทน ผอ.สนง.ป.ป.ช.จังหวัด เขตพื้นที่ 6(พิษณุโลก), นายวณิชย์ ศุภวณิชย์สกุล เจ้าพนักงานปราบปรามการทุจริต ชำนาญการ โดยมอบหมายให้ตำรวจหญิงเดินทางไปพร้อมกับนางจีรพรรณ นำเงินตามข้อตกลงของ นายวชิระ ไปมอบให้
โดยก่อนที่จะถึงที่ทำการ อบต.ท่าสะแก พ.ต.อ.พชร ได้มอบธนบัตรปรากฏตามของกลางให้กับนางจีรพรรณ และให้เข้าไปทำการเจรจาขอรับเช็คค่าจ้างตามโครงการได้ จากนั้นนางจีรพรรณ พร้อมกับตำรวจหญิง ได้เข้าไปยังที่ทำการ อบต.ท่าสะแก และเข้าไปห้องทำงานของนายวชิระ (ห้องนายก อบต.) พร้อมกับพุดคุยเจรจากับนายวชิระ ที่นั่งคอยอยู่และลงนามในเช็คสั่งจ่ายเงินตามเอกสารที่เกี่ยวข้องยื่นให้กับนางจีรพรรณ ที่ได้ยื่นส่งธนบัตรตามของกลางให้นายวชิระ เมื่อตำรวจหญิง เห็นเหตุการณ์จึงได้ส่งสัญญาณทางโทรศัพท์มือถือให้ชุดผู้จับที่อยู่ภายนอกทราบ ก่อนเข้าไปยัง อบต.ท่าสะแก ตามสถานที่เกิดเหตุข้างต้น
ขณะที่นายวชิระ เมื่อได้รับเงินแล้วได้เดินออกจากห้องทำงานเดินไปยังรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า สีดำ บย 1433 พิษณุโลก ขับขี่ออกจาก อบต. ออกไปเมื่อชุดผู้จับเห็นดังนั้นจึงได้ติดตามออกไปจนทันกันที่บริเวณตลาดสดเทศบาล ตำบลป่าแดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก จากนั้น จนท.เข้าไปแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ พร้อมกับแสดงความบริสุทธิใจให้กับนายวชิระ จนเป็นที่พอใจ จึงขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ คันที่ นายวชิระ ขับขี่มาโดยนายวชิระ นำพาการตรวจค้น
ผลการตรวจค้นไม่พบธนบัตรตามของกลาง ชุดผู้จับ จึงได้เชิญนายวชิระ มายังห้องทำการที่ อบต.ตามสถานที่เกิดเหตุ โดยขอทำการตรวจค้นภายในโต๊ะทำงานของนายวชิระ ซึ่งนายวชิระ สมัครใจนำพาการตรวจค้น แต่ก็ไม่พบธนบัตรตามของกลาง
พ.ต.อ.พชร กับพวก จึงขอทำการตรวจค้นเสื้อคลุมแขนยาวสีดำตัวที่นายวชิระ สวมใส่อยู่ พบธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับละ 1,000บาท ตรวจนับได้จำนวนเงิน10,000บาท ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าด้านหน้าล่าง ข้างซ้าย จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ พร้อมกับนำสำเนาภาพถ่ายธนบัตรตามเอกสารที่เกี่ยวข้อง มาทำการตรวจเปรียบเทียบต่อหน้านายวชิระ พบว่ามีหมายเลขตรงกันทุกฉบับ ชุดผู้จับจึงได้ให้นายวชิระ ลงชื่อกำกับไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาให้นายวชิระทราบว่าการกระทำดังกล่าวจะต้องถูกจับในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่และเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต “ พร้อมกับได้แจ้งให้ทราบถึงสิทธิตามกฎหมายข้างต้น
ซึ่งนายวชิระ ทราบและเข้าใจข้อกล่าวหาเป็นอย่างดี โดยตลอดแล้ว และให้การปฎิเสธ ตลอดข้อกล่าวและจะให้การในชั้นศาล ชุดผู้จับจึงได้เชิญตัวนายวชิระ พร้อมของกลางมาที่ สภ.ชาติตระการ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก นำส่ง พงส.สภ.ชาติตระการ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
