พระนครศรีอยุธยา - หนุ่มตกงานริเป็นนักค้ายาบ้าหัวใส ใช้ผงเขม่าจากเตาเผายาเสพติดในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ที่กระทรวงสาธารณสุข มีการเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางเป็นประจำทุกปีมาทำเป็นส่วนผสมยาบ้า บรรจุหลอดขายให้แก่กลุ่มวัยรุ่นในบางปะอิน เผย ยาชนิดนี้มีกลิ่นและรสชาติคล้ายกับกัญชาและยาบ้ามาก
วันนี้ (29 ธ.ค.) เวลา 14.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (ประตูน้ำพระอินทร์) จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เข้าควบคุมตัวนายสุพจน์ ร้อยต๊ะ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 ม.3 ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ภายในหอพักแห่งหนึ่งเยื้องกับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบมาว่า นายสุพจน์ มีพฤติการณ์ผลิตขายยาเสพติดให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ อ.บางปะอิน
จากการตรวจค้นภายในตู้เสื้อผ้าของห้องพัก นายสุพจน์ พบอุปกรณ์การเสพยาจำนวนมาก และพบกล่องสีดำภายในมีผงสีดำบรรจุอยู่จำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบด้วยการใช้น้ำยาตรวจหายาเสพติด ปรากฎว่าผงสีดำที่พบมีลักษณะคล้ายกับยาเสพติด เพราะน้ำยาเปลี่ยนสี จึงควบคุมตัว นายสุพจน์ ไปสอบสวนจนผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพ ว่า ผงสีดำที่อยู่ในกล่องดังกล่าว เป็นเขม่ายาเสพติดที่ไปลักลอบขูดออกมาจากเตาเผาทำลายยาเสพติดในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ที่กระทรวงสาธารณสุข มีการเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางเป็นประจำทุกปีในวันที่ 26 มิถุนายน
นายสุพจน์ บอกต่อว่า ผงเขม่าสีดำนั้นตนซื้อมาในราคา 2,000 บาทต่อน้ำหนักครึ่งกิโลกรัม โดยซื้อมาจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งที่ไปขูดเขม่ายาเสพติดมาจากเตาเผายาเสพติดดังกล่าวที่ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ซึ่งผงเขม่ายาเสพติดจำนวนนี้ ตนเพิ่งซื้อมาจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อนำมาทำเป็นส่วนผสมยาบ้าขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ อ.บางปะอิน โดยจะขายหลอดละ 200 บาท และหากบรรจุใส่หลอดจะได้ยาเสพติดมากกว่า 300 หลอด
ผู้ต้องหารายนี้รับสารภาพอีกว่า ตนเพิ่งจะเริ่มทำ เนื่องจากตกงาน เพราะโรงงานถูกน้ำท่วม จึงหันมาทดลองค้ายาเสพติด ซึ่งก่อนที่ตนจะมาทำ เพื่อนของตนคนหนึ่งได้บอกกับตนว่าได้นำเขม่าที่ได้จากการเผายาเสพติดดังกล่าวออกมาทำเป็นส่วนผสมยาบ้ามาขาย โดยได้ซื้อมาจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายครั้งแล้ว ซึ่งถือเป็นรายได้ดีมาก โดยกลิ่นและรสชาดของยาเสพติดชนิดนี้จะคล้ายกับกัญชาและยาบ้ามาก
อนึ่ง สำหรับเขม่าจากการเผายาเสพติดในครั้งนี้มีการลักลอบไปขูดออกมาจากเตาเผาในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โดยทุกวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี กระทรวงสาธารณสุขจะมีการเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลางเป็นประจำ และที่ผ่านมาผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ยืนยันมาโดยตลอดว่าการเผาทำลายยาเสพติดนั้นจะใช้วิธีเผาทำลายด้วยวิธีไพโรไลติก อินซิเนอะเรชั่น (Pyrolytic Incineration) ซึ่งเป็นการเผาที่อุณหภูมิสูงมากไม่ต่ำกว่า 850 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดการสลายตัวของโมเลกุลกลายเป็นคาร์บอนในระยะเวลาอันรวดเร็วและไม่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศและสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อมีการจับกุมผู้ต้องหาที่ขูดเขม่าเตาเผายาเสพติดนำไปเป้นส่วนผสมยาเสพติด กลับทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า การเผาทำลายยาเสพติดดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดมลพิษจริงหรือไม่