เชียงราย - ผช.ผบ.ตร.ขึ้นเชียงราย ประชุมคณะกรรมการสืบสวนฯ คดีฆ่าลูกเรือจีนยกลำ ระบุสืบพยานกว่าร้อยปากยังไม่เสร็จเตรียมเดินทางไปประเทศจีน เพื่อสอบสวนต่อ คาดจะมีการส่งฟ้องได้ทันตามกำหนด 90 วัน
วันนี้ (28 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมดุรงควิบูลย์ ภ.เชียงราย พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผช.ผบ.ตร.เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการสืบสวนและสอบสวนของอัยการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งรับผิดชอบคดีปล้นและฆ่ายกลำลูกเรือสินค้าจีน 2 ลำบริเวณสามเหลี่ยมทองคำชายแดนพม่า-สปป.ลาว เหตุเกิดวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.ต.ต.สิทธิพร ศรีจันทร์ทับ รอง ผบช.ภ.ภาค 5 พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ รักษาการ ผบก.ภ.เชียงราย นำทีมงานเข้าร่วม ซึ่งที่ประชุมมีการรับทราบรายงานการสอบสวนที่ผ่านมา การกำหนดแนวทางรับมอบสำนวนให้กับอัยการสูงสุด และแบ่งหน้าที่กันดำเนินการตั้งแต่ต้นปี 2555 เป็นต้นไป และเป็นที่น่าสังเกตว่าที่ประชุมมีการหารือเรื่องการเสนอขอออกหมายค้นและหมายจับ
หลังจากมีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้ว่าอาจมีการออกหมายจับนาย น. หรือ อ. คนในพื้นที่ อ.แม่สาย เพิ่มเติมอีกคนหลังจากได้ดำเนินคดีกับทหารจากกองกำลังผาเมืองไปแล้วจำนวน 9 นาย รวมไปถึงการหารือเรื่องการสอบสวนพยานนอกราชอาณาจักรแนวทางของกฎหมาย ป.วิ อาญา มาตรา 20 ซึ่งเป็นเหตุที่เกิดนอกราชอาณาจักรแต่มาพบผลในพื้นที่
พล.ต.ท.รชต กล่าวภายหลังการประชุมว่าคดีนี้ทางอัยการต่างประเทศได้มอบหมายให้ตนเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ส่วน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ก็ได้สั่งการให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผยผ่านสื่อมวลชน ซึ่งผลการดำเนินการที่ผ่านมาได้มีการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องไปแล้วจำนวน 103 ปาก แต่ก็ยังไม่ครบถ้วนโดยยังต้องดำเนินการต่อไปโดยเฉพาะพยานที่อยู่ในต่างประเทศหรือชาวจีน
ดังนั้น ในวันที่ 9 ม.ค.จะมีการสรุปข้อมูลทั้งหมดและหารือกับทางอัยการต่างประเทศอีกครั้งเพื่อจะเดินทางไปสอบปากคำเพิ่มเติมในประเทศจีนต่อไป คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในต้นเดือน ม.ค. 2555 โดยเบื้องต้นได้มีการประสานไปยังทางการประเทศจีนแล้ว
สำหรับการหารือครั้งนี้ ยังมีการประชุมว่าจะสามารถออกหมายจับผู้ใดเพิ่มเติมได้อีกบ้าง โดยกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการให้มีความชัดเจนมากขึ้นก่อน และกรณีของ “ลุง น.” ซึ่งมีการพูดถึงกันมากนั้น ปัจจุบันยังไม่มีการออกหมายจับแต่อย่างใด แต่อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลต่างๆ อยู่หากว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะเรียกตัวมาทำการสอบปากคำต่อไป ผู้ต้องหาในคดีจึงยังคงเป็นทหารจำนวน 9 นาย และถ้าหากมีอยู่เท่านี้ กรณีหากต้องยื่นส่งฟ้องต่อศาลเพื่อให้พิพากษาก็จะต้องยื่นไปยังศาลทหาร แต่หากมีพลเรือนเข้ามาเป็นผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกก็จะส่งไปยังศาลปกติทั่วไปได้ต่อไป
ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของจีนได้เชิญเจ้าหน้าที่ไทยไปหารือ โดยเฉพาะทางตำรวจ ซึ่งทางการจีนก็แสดงความมั่นใจ และได้ให้ทีมสังเกตการณ์ในคดีของจีนเดินทางกลับประเทศจีนแล้วเพื่อไปรอทีมสอบสวนจากประเทศไทยที่จะเดินทางไปเยือนจีนในช่วงต้นปีหน้าต่อไป
ทั้งนี้ เรื่องกำหนดระยะเวลาดำเนินการนั้นได้รับแจ้งจากทางประเทศจีนว่าตามปกติประเทศจีนจะดำเนินคดีนี้ด้วยระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ซึ่งทางตำรวจไทยก็ได้แจ้งไปว่าปัจจุบันคดีผ่านพ้นวันเวลาไปเพียงประมาณ 60 วันแล้ว ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าคงจะสามารถส่งฟ้องศาลได้ตรงกับที่มีการดำเนินคดีในประเทศจีนได้เช่นกัน
ขณะเดียวกัน ทราบว่าทางการจีนได้ส่งทีมงานเข้ามาทำการสังเกตการณ์คดีและหาข้อมูลด้วย จึงได้แจ้งไปว่าหากมีหลักฐานข้อมูลใดเพิ่มเติม สามารถแจ้งให้ทางตำรวจไทยทราบโดยตรงเพื่อจะได้นำมาประกอบคดีต่อไป
