น่าน - สภาพอากาศทั้งพื้นราบ-ยอดดอยทั่วเมืองน่านยังคงหนาวจัดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบนพื้นที่สูงอุณหภูมิต่ำ 10 องศาเป็นประจำ ทำให้เด็กทั้งในโรงเรียนกินนอน ตลอดจนเด็กเล็กชาวเขา ไม่ว่าจะเป็นม้ง เมี่ยน รวมถึงมลาบรี ป่วยกันระนาว
สภาพอากาศบนพื้นที่สูงในจังหวัดน่าน ยังคงหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากลางคืนและช่วงเช้ามืด ซึ่งบริเวณพื้นราบเช้าวันนี้ (21 ธ.ค.) วัดได้ที่ 13 องศาเซลเซียส ขณะที่บริเวณภูเขา ยอดดอยอุณหภูมิต่ำสุดที่ 7-9 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มของนักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ต้องการเครื่องห่มกันหนาวเพื่อบรรเทาความหนาวเย็นจำนวนมาก
โดยเด็กเล็กชนเผ่าตองเหลืองที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัยเตาะแตะชุมชนมลาบรี ชุมชนไทยภูเขา หมู่บ้านห้วยหยวก ม.6 ต.แม่ขะนิง อ.เวียงสา จ.น่าน เริ่มมีอาการป่วยไข้เนื่องจากเด็กเล็กมีภูมิต้านทานต่ำ และร่างกายปรับสภาพไม่ทัน ผิวหนังตามแขน ขา เริ่มแห้งแตกเป็นขุยจากสภาพอากาศแห้ง
นางลักขณา พิงเมือง ครูประจำศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัยเตาะแตะชุมชนมลาบรี กล่าวว่า ศูนย์แห่งนี้ดูแลเด็กเล็กวัยเตาะแตะ ตั้งแต่อายุ 1 ขวบครึ่ง - 6 ขวบ จำนวน 31 คน ล่าสุดเด็กเริ่มมีอาการป่วยเป็นไข้ เนื่องจากเด็กเล็กมีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ ร่างกายไม่แข็งแรงและปรับสภาพไม่ทัน และชนเผ่าตองเหลือง จะนอนกันใกล้ชิดทั้งครอบครัว เมื่อคนหนึ่งป่วยก็ติดกันไปหมด ทำให้เด็กเล็กเริ่มเป็นไข้หวัด แพร่เชื้อมาถึงเด็กเล็กคนอื่นๆ ในหมู่บ้านด้วย โดยครูจะต้องดูแลเด็กที่เป็นไข้อย่างใกล้ชิด ให้เด็กได้ออกกำลังกาย ผิงแดด เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ แต่ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งคือพ่อแม่จะนำเด็กเล็กติดตัวไปทำไร่ทำสวนด้วย ทำให้ครูดูแลเด็กได้ไม่ทั่วถึง
ส่วนที่โรงเรียนภูเค็งพัฒนา บ้านห้วยหยวก ต.แม่ขนิง อ.เวียงสา จ.น่าน ห่างจากตัวจังหวัดไปกว่า 70 กิโลเมตร เป็นโรงเรียนในพื้นที่สูง เด็กนักเรียนก็ประสบความเดือดร้อน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนชนเผ่า ซึ่งเป็นนักเรียนกินนอนประจำ ขาดแคลนเครื่องกันหนาว และผ้าห่มบางจนไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้เพียงพอ ทำให้เด็กเริ่มป่วยเป็นไข้ โดยครูต้องใช้วิธีหาฟืนมาก่อกองไฟผิงสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายก่อนเข้าเรือนนอน
น.ส.พิมพ์พรรณ ใจพันธ์ ครูอนามัยประจำโรงเรียน กล่าวว่า สภาพอากาศบนดอยสูงหนาวเย็นจัด โดยเฉพาะในเวลากลางคืนและเช้าตรู่ ซึ่งเด็กนักเรียนที่นี่ เป็นเด็กชนเผ่าม้ง เผ่าเมี่ยน และตองเหลือง รวมจำนวน 80 คน ที่เป็นนักเรียนกินนอนอยู่ประจำโรงเรียน แต่ขาดแคลนเสื้อกันหนาว และผ้าห่มที่ได้รับการจัดสรรมาให้ก็บางเกินไป ไม่สามารถให้ความอบอุ่นได้เพียงพอ ทำให้เริ่มป่วยเป็นไข้ ซึ่งทางโรงเรียนต้องไปขอยาลดไข้ จากอนามัยมาสำรองไว้รักษานักเรียน
ด้าน นายคำนวณ มาเมือง ผอ.โรงเรียนภูเค็งพัฒนา กล่าวว่า โรงเรียนภูเค็งพัฒนา เป็นโรงเรียนระดับ ป.1-ม.3 ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งหมดรวม 210 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กชนเผ่าม้ง เผ่าเมี่ยนและเผ่าตองเหลือง มีอยู่ 80 คนเป็นนักเรียนกินนอน เพื่อลดปัญหาการไม่มาโรงเรียนและเสียโอกาสทางการศึกษา
แต่ปัญหาที่อาคารเรือนนอนของเด็กนักเรียน พบว่าผ้าห่มที่ได้รับการจัดสรรมาให้ก็บางเกินไป ไม่เหมาะกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นตามยอดดอย ทำให้ต้องใช้หลายผืนซ้อนชั้นกันหนาว และครูต้องพยายามหาหนทางคลายหนาวให้เด็กๆ
เช่น การให้อาบน้ำตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ยังมีแดดออก เนื่องจากหาปล่อยให้ล่วงเลยไปจนเย็น จะอาบน้ำไม่ได้ ทำให้เด็กไม่อาบน้ำและกลายเป็นโรคผิวหนังได้ รวมทั้งช่วยกันหาไม้ฟืนมาก่อกองไฟผิงคลายหนาวก่อนเข้าเรือนนอนด้วย