“รมว.สธ.” โผล่โคราชมอบนโยบาย-สั่งทุกฝ่ายเตรียมรับมืออุบัติเหตุปีใหม่

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - รมว.สธ.ลงพื้นที่โคราชมอบนโยบายพัฒนาคุณภาพบริการ ปชช.ตั้งศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง 215 แห่ง ลดความแออัดสถานพยาบาล สั่งทีมแพทย์เตรียมพร้อมรับมืออุบัติเหตุปีใหม่ ย้ำ ทุกฝ่ายดูแลชีวิตประชาชนไม่ให้เกิดการสูญเสีย ชี้กรณี สตง. ตรวจสอบการใช้จ่ายงบของ สปสช.ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เชื่อหากทำตามกรอบไม่น่าเกิดปัญหา

วันนี้ (16 ธ.ค.) เวลา 13.30 น.ที่โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานมอบโล่รางวัลแก่กองทุนหลักประกันสุขภาพตำบล/ ศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพในหน่วยบริการและเครือข่ายมิตรภาพดีเด่น พร้อมมอบนโยบายในงานมหกรรมสร้างหลักประกันสุขภาพสู่ชุมชนเขตนครชัยบุรินทร์ ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)เขต 9 นครราชสีมา ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และ สุรินทร์ จัดขึ้น โดยมี นายชวน ศิรินันท์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา , นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.และ นพ.คำรณ ไชยศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 14 ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ มีเครือข่ายภาคีสุขภาพ ประกอบด้วย เครือข่ายหน่วยบริการสาธารณสุข ทุกระดับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายภาคประชาชน เครือข่ายวิชาชีพ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและเครือข่ายสื่อมวลชน จำนวน เข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพแก่ประชาชนไทยทุกระบบสวัสดิการที่มี 65.4 ล้านคน ให้มีสุขภาพดี การเจ็บป่วยลดลง โดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่สำคัญ คือ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง มะเร็ง โรคหัวใจ โดยในปีงบประมาณ 2555 จะเน้นหนักที่การลดความแออัดของผู้ป่วย ซึ่งเป็นปัญหาอันดับ 1 ในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปที่มีอยู่ 95 แห่งทั่วประเทศ โดยต่อวันมีผู้ป่วยใช้บริการ 1,200-3,000 คน ซึ่งจะพัฒนาศักยภาพความเข้มแข็งระบบบริการขั้นพื้นฐานในเขตชนบท คือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

ส่วนในเขตเทศบาลเมืองทั้ง 76 จังหวัด จะจัดตั้งศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง ซึ่งเป็นบริการใหม่ล่าสุด มีบุคลากรทุกสาขาทำหน้าที่ให้บริการตรวจรักษาผู้ป่วยนอกทุกโรค แทนแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ไม่มีเตียงนอนรักษา และเพิ่มบริการส่งเสริมสุขภาพคนในชุมชนไม่ให้เจ็บป่วย และติดตามฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยเรื้อรังที่อยู่บ้าน เช่น ผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ป้องกันโรคแทรกซ้อน ในเบื้องต้นมีนโยบายตั้งศูนย์ฯ 215 แห่ง จนถึงขณะนี้ดำเนินการได้เกินเป้าหมาย มีการจัดตั้งศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองไปแล้ว 233 แห่งทั่วประเทศ

นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในวันนี้ยังได้ลงตรวจเยี่ยมพื้นที่ศูนย์แพทย์ชุมชนหัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา เรื่อง ระบบการดูแลเบาหวานความดันโลหิตสูง บริการตรวจตาต้อกระจก ตรวจจอประสาทตา การคัดกรองเบาหวานความดันโลหิตสูง การดูแลผู้สูงอายุ และระบบการเชื่อมต่อข้อมูลการดูแลผู้ป่วยกับโรงพยาบาลแม่ข่าย เพื่อให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศดำเนินงานเช่นเดียวกับเขตสาธารณสุขที่ 14 ต่อไป

นอกจากนี้ นายวิทยา ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมทีมแพทย์ให้การรักษาพยาบาลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 ที่จะมาถึงว่า ต้องฝากถึงประชาชนให้ใช้ความระมัดระวังในการช่วยกันป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่ตั้งอยู่ในความประมาทและหลายฝ่ายไม่อยากให้เกิดความสูญเสียขึ้นโดยเฉพาะรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำเสมอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกันทำให้อุบัติเหตุลดลงให้มากที่สุด ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่มาจากความประมาท และการดื่มสุราแล้วขับรถ เรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุขไม่สนับสนุนอยู่แล้ว

สำหรับการป้องกันอุบัติเหตุในปีนี้ ได้เน้นย้ำไปยังสถานพยาบาล และโรงพยาบาล รวมถึงมูลนิธิต่างๆ ให้ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ และช่วยกันสอดส่องดูแลพื้นที่อย่างเข้มงวด และให้บริการด้านการรักษาแก่ประชาชนอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญคือไม่ให้เกิดอุบัติเหตุดีที่สุด แต่หากเกิดขึ้นสถานพยาบาลก็ต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือให้ได้เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตของพี่น้องประชาชน

ต่อข้อถามจะมีการปรับแผนเชิงรุกอย่างไรหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงานได้ 3 เดือน เจอวิกฤตน้ำท่วมไป 2 เดือน จากนี้ไปก็จะเป็นการขับเคลื่อนตามนโยบายฉะนั้นหลักประกันสุขภาพ ที่ สปสช.ดูแลอยู่ ก็ต้องเดินหน้าเต็มที่

นอกจากนี้ นายวิทยา ยังกล่าวถึงกรณีที่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของ สปสช. โดยเฉพาะการจ่ายเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการ สปสช.ว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ก็ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อมีคณะกรรมการขึ้นมาในรายละเอียด หรือการทักท้วงต่างๆ ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริง คิดว่ากรอบอำนาจที่บอร์ดมีคงจะต้องดำเนินการตามนั้น แต่ความที่ว่าเกินไปกว่า หรือคำที่ สตง.ท้วงติงมานั้น ก็อยู่ที่คณะกรรมการจะเสนอ แต่ส่วนตัวยืนยันว่า หากทำอยู่ในกรอบก็ไม่น่าจะมีปัญหา