ตาก- นายด่านศุลกากร ระบุ แม่สอด มีศักยภาพสูงเป็นประตูการค้าชายแดน แนะรัฐควรเร่งจัดตั้งเขตเศรษฐกิจและท้องถิ่นพิเศษ “นครแม่สอด” รองรับเขตเศรษฐกิจเมียวดี ชี้ ในช่วงปิดพรมแดน 16 เดือน มูลค่าการค้าลดลง 38.40% คาดหลังเปิดด่านกลับมาบูมสูงสุดอาจทะลุ 50,000 ล้านต่อปี
รายงานข่าวจากจังหวัดตาก แจ้งว่า ขณะนี้ที่บริเวณเชิงสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ด่านพรมแดนแม่สอด-เมียวดี อ.แม่สอด จ.ตาก บรรยากาศการค้าชายแดนเป็นไปอย่างคึกคัก มีรถบรรทุกสินค้าผ่านแดน ทั้งรถสิบล้อ และรถคอนเทนเนอร์จำนวนหลายคัน รอเข้าคิวทำพิธีทางศุลกากรเพื่อนำสินค้าไปส่งยังฝั่งพม่า
ขณะเดียวกัน ก็มีประชาชนชาวพม่าเดินทางข้ามมาซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค ที่ฝั่งไทย คาดว่าในช่วงเดือนธันวาคม 54 เดือนเดียว จะมีมูลค่าการค้าเกิน 3,000-3,500 ล้าน เพราะสินค้าถูกอั้นมานาน ประกอบกับประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ต่างเดินทางข้ามไป-มาหาสู่กันเพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าไปใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555
นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ นายด่านศุลกากรแม่สอด ชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด จังหวัดตาก กล่าวสรุปภาวะการค้าชายแดนด่านศุลกากรแม่สอด ในช่วงพม่าปิดด่านเมียวดี และหลังมีการเปิดด่านพรมแดนแม่สอด-เมียวดี ของพม่า ว่า มูลค่าการค้ารวม ปีงบประมาณ 2554 ตั้งแต่ตุลาคม 2553-กันยายน 2554 ช่วงปิดด่าน มีมูลค่าทั้งสิ้น 18,346.11 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเปิดด่านปกติ 11,436.70 ล้านบาท (ต.ค.52-ก.ย.53) คิดเป็นร้อยละ -38.40% โดยปีงบประมาณ 2553 มูลค่าการค้ารวม 29,782.81 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2554 มูลค่ารวม 18,346.11 ล้านบาท
สินค้าส่งออกสำคัญ คือ น้ำมันเชื้อเพลิง-ผงชูรส-ผ้าทอด้วยฝ้ายสีต่างๆ ยารักษาโรค น้ำมันพืช รถจักรยานยนต์ โทรทัศน์ นมข้น และกาแฟปรุงแต่งสำเร็จรูป ฯลฯ เป็นต้น
สำหรับปีงบประมาณ 2554-2555 ตั้งแต่ ต.ค.54 - 30 ก.ย.2555 จะเพิ่มมากขึ้น 40-50% จากศักยภาพของด่านศุลกากรแม่สอดและเมืองที่กำลังเจริญเติบโตและเหมาะสมกับการพัฒนาเป็นประตูการค้า ระเบียงเศรษฐกิจ EWEC
“แม่สอดมีศักยภาพและความเหมาะสมที่ควรจะจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและท้องถิ่นพิเศษ รองรับการที่พม่าได้เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดีไปแล้ว และเมื่อพม่าเปิดพรมแดนเมียวดีแล้ว ด่านการค้าแม่สอดจะกลับมาบูม คาดว่าตัวเลขมูลค่าการค้าอาจจะทะลุเกิน 50,000 ล้านบาทต่อปี จากปัจจัยความพร้อมและศักยภาพของเมือง” นายด่านศุลกากรแม่สอด กล่าว