xs
xsm
sm
md
lg

กก.หมู่บ้านเอื้ออาทร 3 ศาลายาไม่ยอมแพ้น้องน้ำเดินลุยขอรับบริจาคนมให้เด็กกว่า 100 ชีวิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครปฐม...รายงาน

เมื่อมวล “น้องน้ำ พี่น้ำ” ไม่ปรานีใคร การดิ้นรนต่อสู้จึงเกิดขึ้น ผู้คนต่างดิ้นรนเดินหน้าหาดินแดนที่ปลอดภัยเพื่อหลบจากภัยธรรมชาติที่ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างรุนแรงเช่นนี้มาก่อน ผู้ที่มีความพร้อมกว่าจึงสามารถยืนหยัดหลบหนีหลีกพ้นกับอุทกภัยคราวนี้ได้อย่างแสนง่ายดาย ต่างจากอีกหลากหลายชีวิตอีกมากมายที่ต้องจมอยู่ในผืนน้ำที่หลั่งไหลผ่านมวลชีวิตอย่างไม่ปรานีใคร

แต่ขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในห้วงของความรวนเรและแปรปรวนในสภาพดินฟ้าอากาศ ดั่งคำพระท่านว่า “สติมาปัญญาเกิด ย่อมพาไปสู่ความปลอดภัยและหลุดพ้นจากเงื้อมือแห่งความพ่ายแพ้ จากภัยแห่งความหิวโหย ไร้ทิศทางในชีวิต ความสามัคคี การเสียสละย่อมคุ้มค่าในสิ่งที่ได้มา การเป็นผู้นำย่อมต้องกล้าและอดทนกับแรงกดดัน ทั้งจากภัยธรรมชาติและความต้องการของมนุษย์ที่ว่ากันว่าไม่มี่สิ้นสุด”

ที่โครงการหมู่บ้านเอื้ออาทร 3 ศาลายา หมู่ที่ 1 ตำบลทรงคนอง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ผู้คนที่เป็นผู้พักพิงอาศัยได้อยู่ร่วมกับผู้อพยพกว่า 1,200 ชีวิต โดยมีมวลน้ำล้อมรอบโครงการทั้ง 48 อาคาร สายน้ำตัดขาดผู้คนจากโลกภายนอก ที่ด้านซ้ายเป็นถนนบรมราชชะนีและด้านขวาเป็นถนนสายนครชัยศรีศาลายา ถนนทั้งสองสายมีระดับน้ำที่ท่วมสูงระดับเอว ยิ่งบริเวณถนนพุทธมณฑลสายม5 ยิ่งเป็นจุดวิกฤตที่ยากต่อการเดินทางหรือติดต่อ การขอความช่วยเหลือทำได้เพียงการโทรศัพท์หรือไม่ก็ทำได้โดยทางเรือ วึ่งเป็นสิ่งหายากสำหรับเวลาวิกฤติที่เกิดขึ้น

นายสุรศักดิ์ พรอัครเสถียร กรรมการโครงการบ้านเอื้ออาทร 3 บอกเล่าว่า ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2554 ที่มวลน้ำได้เคลื่อนตัวมาถึงและถือเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญให้มาอยู่ร่วมกับผู้คนว่าทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปในทันที จากอาคารทั้งหมดที่ประชากรนั้นอยู่อย่างสงบต่างออกมาถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นความวุ่นวายในการเตรียมแยกย้ายอพยพหนีมวลน้ำที่เคลื่อนตัวมาอย่างรวดเร็วคนที่พร้อมก็รีบขับรถหนีออกจากพื้นที่บางรายที่ทราบข่าวก็ได้เตรียมตัวในการเก็บตุนอาหารไว้เพื่อบริโภค โดยเฉพาะน้ำดื่มที่มีความสำคัญไม่น้อย

กรรมการโครงการ เล่าว่า จากวันแรกที่เริ่มมีปัญหาจะมีคำถามคือระดับน้ำสูงเท่าไหร่ ซึ่งไม่มีใครตอบได้ และได้แต่เฝ้ารอต่อจากนั้นว่า ระดับน้ำจะท่วมขังอยู่นานเท่าไหร่ และเมื่อเวลาผ่านไปอาหารและน้ำดื่มได้เริ่มหมดลงคณะกรรมการหมู่บ้าน จึงได้มีการประชุมเพื่อรับสถานการณ์ในการขอรับความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ แต่ก็มาพบปัญหาที่มองข้ามไว้แต่แรก นั่นคือนมผงและนมกล่องสำหรับเด็กแรกเกิดและเด็กในวัย 3-6 ปีเริ่มหมดลง

“มีพ่อแม่ของหนูน้อยรายหนึ่งได้เดินร้องไห้มาขอความช่วยเหลือจากศูนย์อำนวยการ และเป็นการบ้านใหญ่กว่าที่หลายคนจะคิดไว้ล่วงหน้า การติดต่อประสานงานในเรื่องการขอนมผงสำหรับเด็กจึงได้เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง ในช่วงของการติดต่อขอความช่วยเหลือ พ่อแม่หลายคนต้องนำนมข้นหวานมาชงให้ลูกแบบเจอจางเพื่อแบ่งไว้สำหรับวันข้างหน้าที่ยังไม่รู้อนาคตว่าจะมีนมผงมาให้เมื่อใด บางรายใช้วิธีเก็บนมผงชงให้จางมากที่สุดเพื่อใช้ได้ในวันถัดไปนับแบบวันต่อวัน

และความพยายามในการติดต่อในการหาอาหารกล่องรายวัน และหาทีมแพทย์ได้สำเร็จลงจากการพยายามอยู่หลายวัน ซึ่งเมื่อทีมแพทย์อาสาที่มาจากจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือได้มาสลับหมุนเวียนมาให้การช่วยเหลือ ส่วนข้าวทุกมือ กองยุทธศึกษา กองทัพเรือได้นำมาส่งทุกวันและได้รับการประสานเป็นอย่างดี แต่เรื่องนมผงและนมกล่องยังคงไม่สามารถหามาได้อย่างเพียงพอ การตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่างจึงต้องเริ่มขึ้น”

นายสุรศักดิ์ เล่าว่า “ผมมองว่าถ้าเรายังจะนิ่งเฉยอยู่กับพื้นที่ในโครงการ เด็กๆ คงจะไม่ได้รับนมแน่นอน เพราะหลายส่วนได้พยายามแล้วพบว่าไม่มีสต๊อกของไว้ พ่อแม่ที่จะออกไปซื้อยิ่งไม่มีทางเพราะคนส่วนใหญ่จะเป็นคนทำงานรายวันจะไม่มีรายได้หรือเงินเก็บติดตัวไว้ ยิ่งเรือรับจ้างที่มีคนมาตั้งท่าก็มีราคาแพงบางครั้งไปกลับระยะเพียง 5 กิโลเมตรก็ถูกขูดรีดถึง 1,500 บาท ผมเลยตัดสินใจเดินลุยน้ำที่หน้าโครงการออกไปยังถนนบรมราชชนนีและข้ามฝั่งลัดเลาะไปถึงปลายทาง คือ บริเวณวัดไร่ขิง ซึ่งพบว่ามีศูนย์พักพิงแต่ก็พบว่าไม่มีนมผงหรือนมกล่องเพียงพอมาให้ จากเช้าตรู่จนถึง 6 โมงเย็น ผมเดินทั้งวันจนพระอาทิตย์ตกแต่ก็กลับมาด้วยมือเปล่า”

“แต่ความพยายามของผมกับกรรมการหมู่บ้านก็ไม่ได้หยุดอยู่เท่านั้น ต่อมาผมได้นั่งรถไฟจากสถานีรถไฟศาลายาเพื่อไปลงที่ตัวเมืองนครปฐม และมุ่งหน้าตรงไปตามข้อมูลว่าที่มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ มีการเปิดเป็นศูนย์พักพิงและได้เข้าขอรับบริจาค แต่ก็ได้รับความอนุเคราะห์มาให้เพียงไม่กี่กล่อง เพราะที่นั่นก็ไม่มีนมมากพอเช่นกัน ผมจึงนั่งรถไฟกลับมาที่โครงการพร้อมกับนมเพียงน้อยนิดที่พอจะหาได้” นายสุรศักดิ์ เล่าถึงความพยายามที่ต้องดิ้นรนโดยมีเป้าหมายคืออาหารสำหรับเด็ก

นายสุรศักดิ์ เล่าต่อว่า จากนั้นด้วยทุกวิถีทางจึงได้ตัดสินใจโทรไปทุกแห่งที่มีการให้ความช่วยเหลือและมาพบกับอุทยานการอาชีพชัยพัฒนาจังหวัดนครปฐม มูลนิธิชัยพัฒนา โดยการสั่งการของ ม.ร.ว.ศรีเฉลิม กาญจนภู ผ้อำนวยการโครงการอุทยานการอาชีพชัยพัฒนา มูลนิชัยพัฒนาจังหวัดนครปฐม

“เพียงแค่เช้ารุ่งขึ้นผมก็ตกใจ เพราะมีรถทหารคันใหญ่ จากกรมการสัตว์ทหารบอก มีเจ้าหน้าที่ประมงจากจังหวัดกระบี่ และเจ้าหน้าที่จากอุทยานการอาชีพชัยพัฒนาฯ เดินทางมาถึงพร้อมนำนมมาส่งให้เด็ก โดยมีทั้งขวดนม ผ้าอนามัย มาให้ พอผมรู้ว่ามูลนิธิฯที่มาจากน้ำพระทัยของในหลวง มาผมน้ำตาไหลซึม เพราะดีใจแทนเด็กๆ ดีใจที่เราทำสำเร็จ จากนั้นคุณชัชวาล คงอุดม ก็ได้นำนมมาส่งให้อีกหลายกล่อง มันพอเพียงที่เราจะเก็บไว้ให้เด็กของเรา ไปถึง 1 เดือน และวันเดียวกันได้มีเจ้าหน้าที่ของโครงการบ้านเอื้ออาทร 2 เดินลากเรือมากว่า 1 กิโลเมตรและสอบถามถึงนมผงและนมกล่องเหมือนที่เราเจอปัญหา เราจึงได้ประสานและแบ่งปันนมออกเป็นครึ่งหนึ่ง เพราะจำนวนเด็กทีต้องการนมที่โครงการ 2 ก็มีถึง 50 คนเท่าๆ เรา รวมเด็ก ๆ ที่ต้องการนมมีกว่า 100 คน และยังมีคุณชัชวาล ได้นำนมผงมาบริจาคให้เราเพิ่มอีกมากพอ แล้ววันนี้เราประสานกันเพื่อช่วยเด็กๆ เราไม่หวงของเพราะเข้าใจถึงความทุกข์ยาก และเราเน้นความสามัคคี ความเข้าใจ ความอดทนเป็นหลัก”

วันนี้น้ำเริ่มลดระดับลงเราเริ่มมีความหวังว่าเราจะก้าวต่อไปได้ การร้องขอของเราจึงบรรเทาลง และขอรับแต่ของที่จำเป็น แต่ก็น้อยใจส่วนราชการในพื้นที่ที่เข้ามาดูครั้งแรกช่วงน้ำเริ่มท่วมและหายไปนานเป็นแรมเดือน นั่นหมายถึงเราต้องผจญกันเองในเกาะกลางน้ำ” นายสุรศักดิ์ กล่าว

และวันนี้แม้ความต้องการเพียงพอในระดับหนึ่งแต่โครงการเอื้ออาทรทั้ง 2 แห่ง ได้ประสานความช่วยเหลือให้กัน โดยคุณสุรศักดิ์ ได้เป็นกุญแจสำคัญในการประส่านงานให้กับชุมชน ทำให้ผู้คนรวมทั้ง 2 โครงการเกือบ 2,500 คน อยู่รอดบนวิกฤตที่น่าหดหู่ แต่เมื่อพลังยังไม่หมดความตั้งใจยังมีหมายถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ย่อมสำเร็จและผ่านไปได้

แต่ส่วนราชการต้องกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่า ได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อชาวบ้านหรือไม่ เห็นถึงความทุกข์ของเขาหรือไม่ และคำตอบจากหลายๆ พื้นที่ประสบภัยบอกว่าต้องการแค่กำลังใจว่าไม่ทอดทิ้งไป เพียงแต่มาถามมาหาวงใยพวกเขาก็มีแรงใจพอที่จะต้อสู้ต่อไป แต่วันนี้ระบบราชการของจังหวัดนครปฐม สอบตกอย่างสิ้นเชิงถึงตรงนี้ท่านๆ จะยอมรับความจริงหรือยัง
นายสุรศักดิ์ พรอัครเสถียร
นายสุรศักดิ์ พรอัครเสถียร









กำลังโหลดความคิดเห็น