จันทบุรี - เรือนจำจังหวัดจันทบุรี วางมาตรการคุมเข้มผู้ต้องขัง ที่หนีน้ำท่วมจากพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยากว่า 300 ชีวิต รวมทั้งผู้ต้องขังหัวโจก 5 คน ที่ก่อการจลาจลในเรือนจำจังหวัดตราดแยกขังคนละแดน เพื่อแก้ไขปัญหาการก่อความวุ่นวายซ้ำขึ้นมาอีก
จากเหตุการณ์ที่มีผู้ต้องขังที่หนีน้ำท่วมจากจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีการก่อการจลาจล ตะลุมบอนกันในเรือนจำจังหวัดตราด และจังหวัดปราจีนบุรี และเป็นเหตุทำให้มีผู้ต้องขังเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทำให้ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดตราดต้องมีการขนย้ายผู้ต้องขังหัวโจกที่ก่อความวุ่นวาย จำนวน 43 คน มาฝากขังในเรือนจำในภาคตะวันออก ใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี ปราจีนบุรี ชลบุรี และ จังหวัดสระแก้ว เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการก่อความวุ่นวายขึ้นมาอีก
นายสกล มีชูโชติ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดจันทบุรี ได้เปิดเผยว่า สำหรับผู้ต้องขังหัวโจกจำนวน 5 คน ที่ย้ายมาจากเรือนจำจังหวัดตราดและได้มาฝากขังที่เรือนจำจังหวัดจันทบุรี ประกอบผู้ต้องขังที่หนีน้ำท่วมจากจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้มาฝากขังก่อนหน้านี้กว่า 300 ชีวิต เป็นผู้ต้องขังชาย 195 คน และผู้ต้องขังหญิง 116 คน รวมทั้งสิ้น 311 คน เรือนจำจังหวัดจันทบุรีได้มีการจัดให้ผู้ต้องขังเหล่านี้แยกแดนขัง ออกจากผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดจันทบุรีอย่างสิ้นเชิง
รวมทั้งมีการจัดให้ผู้ต้องขังต่างถิ่นเหล่านี้อยู่ในโซนที่กำหนดไม่มีการเข้ามาปะปนกับผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดจันทบุรี ทั้งเพื่อเป็นการป้องกันผู้ต้องขังต่างถิ่นก่อความวุ่นวายในเรือนจำซ้ำขึ้นมาอีก รวมทั้งได้มีการชี้แจงให้ผู้ต้องขังต่างถิ่นได้รับรู้ และเข้าใจความเป็นอยู่ของเรือนจำจังหวัดจันทบุรี ว่า มีการอยู่กันอย่างเสมอภาคพึ่งพาอาศัยกัน
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดจันทบุรี ได้กล่าวเสริมอีกว่า ทั้งนี้ ได้มีการประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลในเรือนจำตลอด 24 ชั่วโมง และได้สั่งการให้ผู้คุมขัง และผู้ต้องขังชั้นดีได้มีการเฝ้าระวังผู้ต้องขังต่างถิ่นเหล่านี้อย่างเข้มงวด หากพบผู้ต้องขังต่างถิ่นมีพิรุธ หรือ มีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจให้มีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เพื่อเป็นการป้องปราม และป้องกันผู้ต้องขังก่อการจลาจลขึ้นมาอีกด้วย