ASTV ผู้จัดการออนไลน์ -ซีพีเอฟ และมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท หนุน 9 ค่ายทหาร ของกองทัพภาคที่ 1 เลี้ยงไก่ไข่เพื่อสวัสดิการกำลังพล
นายชาญชัย หีบสัมฤทธิ์รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ และมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท สนับสนุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับกองทัพภาคที่ 1 จัด ”โครงการส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่เพื่อสวัสดิการกำลังพล” ในพื้นที่ต่างๆที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 รวม 9 แห่ง
ได้แก่ กองเรือนจำ มณฑลทหารบกที่ 11 จ. นครปฐม, กรมสนับสนุน กองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 9 จ.กาญจนบุรี, กองบัญชาการช่วยรบที่ 1 ค่ายพนัสบดี จ.ชลบุรี, มณฑลทหารราบที่ 13 จ.ลพบุรี, กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 31 จ.ลพบุรี, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 31 ค่ายพหลโยธิน จ.ลพบุรี, มณฑลทหารบกที่ 15 จ.เพชรบุรี, กองพันทหารช่างที่ 2 รักษาพระองค์ จ.ฉะเชิงเทรา เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีพ.ศ.2551 เพื่อช่วยลดรายจ่ายของกำลังพล สร้างงานสร้างอาชีพ ตลอดจนได้เรียนรู้การบริหารจัดการและการประกอบอาชีพ
นายชาญชัย กล่าวอีกว่า กองทัพภาคที่ 1 ได้ขอความร่วมมือมายังซีพีเอฟเพื่อให้ดำเนินการส่งเสริมกิจกรรมพัฒนาอาชีพแก่กำลังพลและครอบครัว โดยเฉพาะการเลี้ยงไก่ไข่ จากความสำเร็จในการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงไก่ไข่ให้กับเกษตรกรรายย่อยของซีพีเอฟ รวมทั้งสนับสนุนการเลี้ยงปลา ตลอดจนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล
ทั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ประจำในค่ายต่างๆ มีผลผลิตไข่ไก่ ปลา ที่ถือเป็นแหล่งโปรตีนราคาถูกกว่าท้องตลาดไว้เป็นสวัสดิการกองกำลัง ขณะเดียวกันก็สามารถนำผลผลิตบางส่วนจำหน่ายให้กับชุมชนรอบข้าง ได้กำไรที่จะกลายเป็นกองทุนสะสมสำหรับการดำเนินกิจกรรมต่อไป นอกจากนี้
“ซีพีเอฟให้การสนับสนุนการก่อสร้างโรงเรือนและอุปกรณ์ในการเลี้ยงไก่ไข่ พร้อมแม่ไก่ไข่และอาหารไก่ไข่ในรุ่นแรกให้ โดยแต่ละแห่งจะเลี้ยงไก่ไข่จำนวน 100-500 ตัว และก่อนที่จะเริ่มเลี้ยงกำลังพลที่เป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบการเลี้ยง จะได้รับการฝึกอบรมการเลี้ยงการดูแลที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จากเจ้าหน้าที่ของซีพีเอฟซึ่งจะคอยติดตามผลการเลี้ยงและให้คำปรึกษาเป็นประจำ เพื่อให้มีประสิทธิภาพการผลิตที่ใกล้เคียงกับบริษัท
ทั้งนี้พบว่ากำลังพลสามารถดำเนินการเลี้ยงและมีผลผลิตไข่ไก่ที่มีคุณภาพ สามารถจัดการด้านตลาดได้เป็นที่น่าพอใจ จนมีเงินทุนสะสมที่สามารถต่อยอดการผลิตให้เติบโตต่อไปได้ นอกจากนี้การเลี้ยงไก่ไข่และกิจกรรมส่งเสริมอาชีพอื่นๆ ยังจะช่วยสร้างเสริมความรู้และกลายเป็นพื้นฐานอาชีพให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงาน และนักโทษที่อยู่ในเรือนจำที่จะสามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคต” นายชาญชัย กล่าวทิ้งท้าย
นายชาญชัย หีบสัมฤทธิ์รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟ และมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท สนับสนุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมกับกองทัพภาคที่ 1 จัด ”โครงการส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่เพื่อสวัสดิการกำลังพล” ในพื้นที่ต่างๆที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 รวม 9 แห่ง
ได้แก่ กองเรือนจำ มณฑลทหารบกที่ 11 จ. นครปฐม, กรมสนับสนุน กองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 9 จ.กาญจนบุรี, กองบัญชาการช่วยรบที่ 1 ค่ายพนัสบดี จ.ชลบุรี, มณฑลทหารราบที่ 13 จ.ลพบุรี, กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 31 จ.ลพบุรี, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 31 ค่ายพหลโยธิน จ.ลพบุรี, มณฑลทหารบกที่ 15 จ.เพชรบุรี, กองพันทหารช่างที่ 2 รักษาพระองค์ จ.ฉะเชิงเทรา เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีพ.ศ.2551 เพื่อช่วยลดรายจ่ายของกำลังพล สร้างงานสร้างอาชีพ ตลอดจนได้เรียนรู้การบริหารจัดการและการประกอบอาชีพ
นายชาญชัย กล่าวอีกว่า กองทัพภาคที่ 1 ได้ขอความร่วมมือมายังซีพีเอฟเพื่อให้ดำเนินการส่งเสริมกิจกรรมพัฒนาอาชีพแก่กำลังพลและครอบครัว โดยเฉพาะการเลี้ยงไก่ไข่ จากความสำเร็จในการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงไก่ไข่ให้กับเกษตรกรรายย่อยของซีพีเอฟ รวมทั้งสนับสนุนการเลี้ยงปลา ตลอดจนการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล
ทั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ประจำในค่ายต่างๆ มีผลผลิตไข่ไก่ ปลา ที่ถือเป็นแหล่งโปรตีนราคาถูกกว่าท้องตลาดไว้เป็นสวัสดิการกองกำลัง ขณะเดียวกันก็สามารถนำผลผลิตบางส่วนจำหน่ายให้กับชุมชนรอบข้าง ได้กำไรที่จะกลายเป็นกองทุนสะสมสำหรับการดำเนินกิจกรรมต่อไป นอกจากนี้
“ซีพีเอฟให้การสนับสนุนการก่อสร้างโรงเรือนและอุปกรณ์ในการเลี้ยงไก่ไข่ พร้อมแม่ไก่ไข่และอาหารไก่ไข่ในรุ่นแรกให้ โดยแต่ละแห่งจะเลี้ยงไก่ไข่จำนวน 100-500 ตัว และก่อนที่จะเริ่มเลี้ยงกำลังพลที่เป็นเจ้าหน้าที่รับผิดชอบการเลี้ยง จะได้รับการฝึกอบรมการเลี้ยงการดูแลที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จากเจ้าหน้าที่ของซีพีเอฟซึ่งจะคอยติดตามผลการเลี้ยงและให้คำปรึกษาเป็นประจำ เพื่อให้มีประสิทธิภาพการผลิตที่ใกล้เคียงกับบริษัท
ทั้งนี้พบว่ากำลังพลสามารถดำเนินการเลี้ยงและมีผลผลิตไข่ไก่ที่มีคุณภาพ สามารถจัดการด้านตลาดได้เป็นที่น่าพอใจ จนมีเงินทุนสะสมที่สามารถต่อยอดการผลิตให้เติบโตต่อไปได้ นอกจากนี้การเลี้ยงไก่ไข่และกิจกรรมส่งเสริมอาชีพอื่นๆ ยังจะช่วยสร้างเสริมความรู้และกลายเป็นพื้นฐานอาชีพให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงาน และนักโทษที่อยู่ในเรือนจำที่จะสามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพในอนาคต” นายชาญชัย กล่าวทิ้งท้าย