พิษณุโลก - คนอยุธยาหนีน้ำมาอยู่บางระกำ จวก “ยิ่งลักษณ์” เป็น “ยิ่งเละ” กลางวงข้าว “มาร์ค” ระหว่างลงพื้นที่ช่วยเหยื่อน้ำท่วม ชี้ แก้น้ำท่วม สวนทาง/ไม่ฟังพระราชดำรัสของ “ในหลวง” ขณะที่คนชุมแสงสงครามอัดซ้ำ หัวคิวบางระกำโมเดล บ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมไม่ได้เงิน 5 พัน แต่คนไม่ถูกท่วมกลับได้ 5 พันบาท แฉแจ้งความแล้วเรื่องยังเงียบ
วันนี้ (18 พ.ย.) ที่โรงเรียนวัดท่าโก ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อม นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรค, นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก ฯลฯ ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลังน้ำท่วม
โดยมี ศ.ดร.สุจินต์ จินายน อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ให้การต้อนรับ พร้อมจัดแพทย์ รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร บริการตรวจรักษาเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ 18 บ้านศรีมงคล หมู่ 4 คลองวัดไร่เหนือ หมู่ 3 ท่าโก และร่วมทำความสะอาด และซ่อมแซมอาคารและสนามเด็กเล่นโรงเรียน แต่ไม่ปรากฏ ผู้ว่าฯพิษณุโลก, นายอำเภอบางระกำ และผู้กำกับสถานีบางระกำ เดินทางมาร่วมงานแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะนายอภิสิทธิ์ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้, ทาสีอาคารโรงเรียน และสนามเด็กเล่น จากนั้นได้เดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันที่วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ บ้านคลองวัดไร่ ที่ถูกห่างออกไป 1 กม.โดยมีชาวบ้านบางระกำ และชาวบ้านตำบลชุมแสง ที่ได้รับความไม่เป็นธรรม ถูกหักหัวคิวเงินชดเชยน้ำท่วมบางระกำโมเดล ร่วมนั่งวงรับประทานอาหารกลางวันด้วย
ชาวบ้านบางส่วน ระบุว่า ที่จริงแล้วน้ำท่วมไม่ใช่ปัญหาของคนบางระกำ ต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาภัยแล้งมากกว่าภัยน้ำท่วม เพราะคนบางระกำ เคยชิน และอยู่กับน้ำมานาน ต้องการน้ำไว้ทำนา แต่รัฐบาลไม่ฟัง ส่วน “บางระกำโมเดล” ไม่ใช่ความต้องการของชาวบ้าน พวกเราไม่รู้เรื่อง เป็นการคิดมาจากข้างบน ก็ไม่รู้ว่า บางระกำโมเดลคืออะไร
ระหว่างนั้น มีชาวบ้านคนหนึ่ง ชื่อ นางมณีชน แซ่ด่าน อายุ 62 ปี ภูมิลำเนา อ.เมืองอยุธยา คว้าไมค์ขอพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ ระหว่างรับประทานข้าวว่า “ตนมีบ้านอยู่ตัวเมืองอยุธยา หนีน้ำท่วมมาอยู่กับญาติที่บางระกำ จะกลับอยุธยาอาทิตย์นี้แล้ว อยากจะฝากบอกนายอภิสิทธิ์ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เชื่อพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า น้ำจะท่วม ชอบทำอะไรสวนทาง ตอนนี้น้ำท่วมไปหมด แก้ปัญหาไม่ได้ ตนไม่เรียกยิ่งลักษณ์ แต่ตนเรียกว่า ยิ่งเละ”
จากนั้น คณะอภิสิทธิ์ ก็ซักถามว่า บ้านอยู่ไหน นางมณีชน แซ่ด่าน ก็ได้รับคำตอบว่า อยู่ในตัวเมืองอยุธยา ที่น้ำท่วมหนักจนอยู่ไม่ได้ ต้องมาอาศัยอยู่กับญาติที่บางระกำ
ขณะที่ นายสุมาลี กลิ่นจันทน์ และ นายเชาว์ พันเปี่ยม ชาวบ้านหมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ได้พูดกลางวงข้าวเช่นกัน ว่า ที่บ้านเขามีผู้ใหญ่บ้านกินหัวคิวค่าชดเชยน้ำท่วมรายละ 2 ไร่ ทุกคนจ่ายเป็นเงินสด รวมแล้วแถวบ้านมีการทำนาเป็นนับ 100 ไร่ ถามว่า เขาได้เงินหัวคิวไปเท่าใด
“เรื่องนี้ ผมไปแจ้งความแล้ว คดีกลับไม่คืบหน้า ไม่เคยเอาผมไปสอบ ผมแจ้งความเป็นเดือน ผมไปขอเอกสารก็ไม่ยอมให้”
นอกจากนี้ นายสุมาลี ยังโชว์ภาพบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม แต่ไม่ได้รับเงิน ส่วนบ้านเรือนที่น้ำไม่ท่วม กลับได้รับเงินชดเชย เพราะว่าเขาไม่ใช่พวก เลยไม่ได้รับเงิน ไม่ได้รับความเป็นธรรม