เชียงใหม่ - ตำรวจเชียงใหม่รวบสาวประเภทสองเจ้าของร้านเสริมสวยพร้อมหนุ่มอดีตเทรนเนอร์ฟิตเนสดังค้ายาบ้า สารภาพรับมาจากชาวเขาในอำเภอแม่อาย แล้วซุกใส่นิตยสารบันเทิงฝากมากับรถโดยสารส่งเข้ามาขายในเมือง
วันนี้ (7 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ นำโดย พ.ต.อ.พิษณุ อุณหเสรี ผกก.สภ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วย พ.ต.ท วชิระ กาญจนวิภาดา รอง ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.ยุทธพงษ์ หอมจรรยา สว.สส.สภ.เมือง พ.ต.ท.ไกรศรี จุฬพรรค์ สว.สส.สภ.เมือง ร่วมกันแถลงผลการนายสราญรมย์ หรือนวล พรมเสน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 15 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เจ้าของร้านเสริมสวย และ นายจักรกฤษณ์ สุวรรณศิริสุข อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 17 ต.หนองไผ่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น อดีตเทรนเนอร์ฟิตเนสชื่อดัง พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 420 เม็ด นิตยสารบันเทิงฉบับหนึ่ง จำนวน 1 ฉบับ ที่ด้านในตัดเป็นร่องยัดยาบ้า และซองใส่เอกสารสีน้ำตาล
ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องมาจากทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายจักรกฤษณ์ มีพฤติกรรมจำหน่ายยาบ้า จึงเฝ้าติดตามจนกระทั่งสามารถกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าวัดควรค่าม้า ในตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้า 20 เม็ด สารภาพว่าเคยเป็นเทรนเนอร์ในฟิตเนสชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ติดยาบ้าจนต้องออกจากงาน
ต่อมารู้จักกับ นายนวล ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง ผ่านทางเฟซบุ๊ค โดยนายนวลเสนอตัวเป็นผู้ส่งยาบ้าจากอำเภอแม่อายมาให้จำหน่าย เพราะราคาถูกกว่า จึงติดต่อรับส่งยาบ้ากันเรื่อยมาในราคาเม็ดละ 75 บาท
โดยวิธีการส่งยาบ้านั้น นายนวล จะนำนิตยสารบันเทิงมาตัดเป็นช่องว่างในเล่ม แล้วนำยาบ้าซุกซ่อนไว้ภายใน ใส่ซองเอกสารฝากส่งมากับรถตู้โดยสารจากอำเภอแม่อายที่เข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้น นายจักรกฤษณ์ จะไปรับยาบ้าที่ส่งมาที่ท่ารถ ซึ่งหลังจากการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการขยายผลให้ นายจักรกฤษณ์ ติดต่อซื้อยาบ้าจากนายนวลจำนวน 400 เม็ดในราคา 22,000 บาท โดยเก็บหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของนายนวล ซึ่งต่อมานายนวลได้ส่งยาบ้ามาให้ด้วยวิธีดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงขอหมายศาลเข้าทำการจับกุมนายนวล
หลังการจับกุมและสอบสวน นายนวล ให้การรับสารภาพว่า ได้ส่งยาบ้าให้นายจักรกฤษณ์มาหลายครั้งแล้ว ทั้งนี้ปกติประกอบอาชีพทำร้านเสริมสวย แต่รายได้ไม่ดีเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ จึงได้หันมาขายยาบ้าเป็นอาชีพเสริม โดยไปรับยาบ้ามาจากชาวเขาบนดอยในอำเภอแม่อาย ในราคาเม็ดละ 50 บาท แล้วมาส่งขายต่อ ซึ่งหลังจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป