เปิด “ครัวโคราช” ระดมทำอาหาร “ข้าวเหนียว”-ส่งช่วยชาวกรุงวันละหมื่นชุด

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “สุวัจน์” ควง “รมว.อุตสาหกรรม” เปิดบ้าน “ชพน.” ระดมเงินช่วยเหลือน้ำท่วม พร้อมเปิดครัวโคราช ปรุงอาหารอีสานเมนูข้าวเหนียวเก็บได้นานไม่บูดง่ายฝีมือแม่ครัวหลานย่าโม ส่งช่วยผู้ประสบอุทกภัยกรุงเทพฯ วันละ 10,000 ชุด เผยขนส่งทางรถไฟเข้ากรุงฯทุกเช้าตรู่ก่อนให้ทหารกระจายไปยังผู้ประสบภัยให้ทั่วถึง

วันนี้ (3 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น.ที่สำนักงานพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อม นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานรับมอบเงินบริจาคจากชาวโคราชเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมเปิดโครงการ “ครัวโคราช รวมใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและประชาชนชาวโคราชร่วมมอบเงินบริจาค เพื่อสมทบทุนการจัดทำอาหารอีสาน เมนูข้าวเหนียว ส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมกว่า 3.8 ล้านบาท

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการ “ครัวโคราช รวมใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” เกิดจากความร่วมมือกันของหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน นักการเมือง และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมาทุกภาคส่วน ที่มีความตั้งใจสนับสนุนการจัดทำอาหาร ไปช่วยเหลือ ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอย่างหนักในกรุงเทพฯ ขณะนี้ ซึ่งปีที่ผ่านมา ประชาชนในภาคกลางก็ส่งความช่วยเหลือมาให้ชาวโคราชที่ถูกน้ำท่วมครั้งใหญ่เช่นกัน

สำหรับอาหารที่ปรุงนี้ จะเป็นเมนูของชาวโคราช คือ ข้าวเหนียว หมูทอด, เนื้อทอด, ไก่ทอด,กุนเชียงทอด และผัดหมี่โคราช เป็นต้น ซึ่งเป็นอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้หลายวันไม่บูดและเสียง่าย โดยชาวโคราชจะร่วมกันปรุงอาหารดังกล่าว ส่งไปให้ประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ วันละ 10,000 ชุด ทุกวัน และจะเพิ่มเติมตามความต้องการของประชาชน โดยอาหารเมนูข้าวเหนียวล็อตแรกจะจัดส่งไปโดยขบวนรถไฟ 2 โบกี้ ออกจากสถานีรถไฟนครราชสีมา ในเวลา 20.00 น.วันนี้ (3 พ.ย.) ถึงกรุงเทพฯ เวลา 04.00 น.วันพรุ่งนี้ (4 พ.ย.) จากนั้นทางหน่วยทหารจะนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนผู้ประสบภัยต่อไป สำหรับครัวชาวโคราชจะทำอาหาร จัดส่งเข้าไปให้ประชาชนผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

“อุทกภัยครั้งนี้ถือเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงที่สุด และสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญยังส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจของประเทศเสียหายด้วย ซึ่งไม่กระทบเฉพาะเศรษฐกิจของเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่กระทบระบบเศรษฐกิจของเมืองไทยโดยภาครวมด้วย ฉะนั้นวันนี้ต้องพยายามทำให้น้ำลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุดเพื่อลดความเสียหาย ซึ่งจากข้อมูลทางภาคอุตสาหกรรมเองบอกตรงกันว่า หากน้ำลดเร็วก็ยังพอที่จะกู้เครื่องจักรกลับมาใช้งานได้ แต่หากปล่อยให้แช่น้ำไว้นานก็ยิ่งจะทำให้เสียหายทั้งหมด” นายสุวัจน์ กล่าว