xs
xsm
sm
md
lg

12 ต.ค.ชาวนครพนมร่วมเทิดไท้องค์ราชัน ไหลเรือไฟยักษ์ยาว 84 เมตร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ จ.นครพนมปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปีเพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคลครบรอบ 84 พรรษาในหลวง
นครพนม - เนื่องในโอกาสมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา ปีนี้ชาวนครพนมทุกภาคส่วนพร้อมใจจัดประเพณีไหลเรือไฟออกพรรษายิ่งใหญ่พิเศษกว่าทุกปี ประดิษฐ์เรือไฟยาวถึง 84 เมตร เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครอบรอบ 84 พรรษาเทิดไท้องค์ราชัน โดยจัดพิธีไหลเรือไฟยักษ์มหามงคลคืนวันที่ 12 ต.คนี้

จ.นครพนม เป็นอีกจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่จะวางแผนเดินทางเข้ามาทำบุญไหว้องค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ ระหว่างวันที่ 5-13 ต.ค.นี้ รวม 9 วัน 9 คืน นครพนม เป็นจังหวัดเดียวของไทยที่มีงานประเพณีสำคัญ คือ งานบุญออกพรรษาไหลเรือไฟ ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นสวยงาม วิจิตรตระการตา ที่สืบทอดกันมาแต่อดีต

เมื่อถึงช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกปี ชาวนครพนมในอำเภอต่างๆ จะได้ร่วมแรงร่วมใจกันประดิษฐ์เรือไฟให้มีความสวยงามวิจิตรตระการตานำมาร่วมงานไหลเรือไฟ ล่องไปตามล้ำแม่น้ำโขง ในคืนเดือนเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 11 ให้นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศเดินทางมาสัมผัสเที่ยวชม ที่สำคัญยังเป็นการแสดงออกถึงความเคารพศรัทธาต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามความเชื่อมาแต่อดีตของชาวบ้านแถบลุ่มน้ำโขง ที่เชื่อว่าเป็นการบูชาและขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงองค์พญานาคในลำแม่น้ำโขง สายน้ำอันได้ชื่อว่าสายน้ำแห่งชีวิตที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาว

ประเพณีไหลเรือไฟนครพนม หรือชาวบ้านเรียกว่า “เฮือไฟ” เป็นประเพณีที่สืบสานต่อเนื่องกันมาช้านาน ในช่วงวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 และวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี เป็นพิธีกรรมหนึ่งของบุญไต้ประทีป งานบุญสำคัญของชาวอีสาน ปรากฏในฮีตสิบสอง วัดหรือชุมชนใดที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำชาวบ้านก็จัดทำเรือไฟโบราณขนาดเล็กออกไปลอยน้ำ ตามความเชื่อว่าเป็นการจุดประทีปเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า ที่ประทับไว้ในครั้งที่พญานาคทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าไปแสดงธรรมในภพของนาค

ก่อนเสด็จกลับ พญานาคได้ทูลขอให้พระองค์ประทับรอยพระบาทไว้ ณ ริมฝั่งแม่น้ำนันมหานที อันเป็นที่อยู่ของพญานาค จึงเป็นประเพณีสืบทอดกัน มาจนถึงทุกวันนี้

ดิมเรือไฟทำด้วยท่อนกล้วยหรือ ไม้ไผ่ต่อเป็นลำเรือยาวประมาณ 5-6 วา ข้างในบรรจุไว้ด้วยขนม ข้าวต้มมัด หรือสิ่งของที่ต้องการจะบริจาคทาน ข้างนอกเรือมีดอกไม้ ธูป เทียน ตะเกียง ขี้ไต้ สำหรับจุดให้สว่างไสวก่อนจะปล่อยเรือไฟ ปัจจุบันมีการจัดทำเรือไฟเป็นรูปแบบต่างๆ ที่ขนาดใหญ่โตขึ้น เพื่อความสวยงามวิจิตรตระการตา

ทำให้ในช่วงก่อนออกพรรษาประมาณ 1 เดือน ตลอดแนวถนนสุนทรวิจิตร เลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม จะมีชาวบ้านจากทั้ง 12 อำเภอ มาร่วมแรงร่วมใจกันจัดทำเรือไฟ ร่วมไหลในคืนวันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 11 ให้พี่น้องประชาชนได้สัมผัสเที่ยวชมถึงความงดงาม ตระกาลตรา การทำเรือไฟจะไม่มีการว่าจ้างแรงงาน ชาวบ้านจะช่วยกันด้วยความสมัครสมานสามัคคีของคนในท้องถิ่น

โดยเฉพาะในปีนี้พิเศษกว่าทุกปี จ.นครพนม ร่วมกับทุกภาคส่วนได้จัดทำเรือไฟที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมีการจัดทำเรือไฟที่มีความยาวถึง 84 เมตร เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลอง เนื่องในโอกาสมหามงคล ที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 7 รอบ 84 พรรษา

นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า วันที่ 12 ต.ค.นี้ จะเป็นวันสำคัญไฮไลต์ของงาน ภาคเช้าจะมีพิธีรำบูชาพระธาตุพนม จากสาวงาม 7 ชนเผ่า ถือเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สวยงาม ส่วนภาคค่ำตั้งแต่เวลา 18.00 น.จะมีพิธีอัญเชิญไฟพระฤกษ์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปจุดยังเรือไฟแต่ละลำ พร้อมจัดการประกวดไหลเรือไฟจากอำเภอต่างๆ จำนวน 15 ลำ มีความยาว 84 เมตร สูง 30 เมตร ประดับด้วยไฟตะเกียง จำนวนกว่า 20,000 ดวง ทั้งประเภทแนวความคิดและประเภทสวยงาม

ที่สำคัญในปีนี้จังหวัดนครพนม มีการจัดทำเรือไฟที่มีความยาวถึง 84 เมตร เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลอง เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา พร้อมรำลึกถึงประวัติความเป็นมาของประเพณีไหลเรือไฟ

ในอดีต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เคยเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรที่ จ.นครพนม ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2498

ในโอกาสนี้จึงขอเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยวจากทุกพื้นที่ มาเที่ยวชมสัมผัสประเพณีไหลเรือไฟอันขึ้นชื่อของนครพนม และร่วมงานกาชาดประจำปี 2554 รวม 9 วัน 9 คืน

ด้าน นายเมธา ชูจันทร์ ปลัดอำเภอโพนสวรรค์ ผู้ดูแลทำเรือไฟอำเภอโพนสวรรค์กล่าวว่า สำหรับเรือไฟ อ.โพนสวรรค์ ถือเป็นเรือไฟแชมป์ประเภทความสวยงามมาหลายสมัย ซึ่งในการทำเรือไฟของชาวนครพนมในแต่ละปี สิ่งสำคัญที่สุดคือการแสดงออกถึงความสมัครสมานสามัคคีของคนนครพนม โดยชาวบ้านที่มาทำเรือไฟไม่มีค่าจ้างรางวัล สมัครใจมาเอง และการทำเรือไฟนั้นจะวัดกันที่ลวดลายที่มีความยากง่าย ที่ออกแบบขึ้นมา

การทำเรือไฟเข้าประกวด ไม่ได้หมายถึงรางวัลชนะเลิศเพียงไม่กี่หมื่นบาท เพราะไม่ได้คุ้มกับการลงทุนลำละกว่า 4-5 แสนบาท แต่ได้ความภาคภูมิใจ และเอกลักษณ์ของชาวนครพนม ที่มีมาแต่สมัยบรรพชน

เช่นเดียวกับ คุณลุงเลี่ยง โทรัตน์ อายุ 61 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ.ขว้างคลี ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ที่มาร่วมแรงทำตะเกียงเรือไฟ เปิดเผยว่า รู้สึกภาคภูมิใจมากที่ทุกปีได้มาร่วมทำเรือไฟ ถือเป็นงานประเพณีสำคัญของชาวนครพนม โดยไม่มีค่าจ้างรางวัลสมัครใจมาเอง ที่จะเป็นการสืบสวนประเพณีอันดีงามให้คงอยู่ต่อไป โดยเฉพาะปีนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจมากที่สุดที่ได้ร่วมทำเรือไฟเฉลิมพระเกียรติ แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่มีพระชนมายุครบ 84 พรรษา

หากใครกำลังเตรียมหาแหล่งท่องเที่ยว ทำบุญช่วงเทศกาลออกพรรษา ไม่ควรพลาดเดินทางมาเที่ยวชมความสวยงามอลังการของนครพนมถิ่นเรือไฟ นอกจากจะได้ชมความงามของเรือไฟอันตระการตาแล้ว ยังได้มีโอกาสมากราบไหว้นมัสการองค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง พร้อมกราบไหว้พระธาตุประจำวันเกิดทั้ง 7 พระธาตุ ตามอำเภอต่างๆ ของนครพนม เป็นการทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล ช่วงวันออกพรรษาอีกด้วย




ชาวนครพนมร่วมกันประประดิษฐ์เรือไฟขนาดใหญ่ยาว 84 เมตรเพื่อไหลในแม่น้ำโขงในคืนวันที่ 12 ต.ค.นี้

กำลังโหลดความคิดเห็น