ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ซีพีและซีพีเอฟ ทุ่ม 100 ล้านช่วยภัยน้ำท่วม เร่งตั้งเต็นท์โรงอาหารช่วยผู้ประสบภัย 10 จังหวัด
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากการพี่น้องประชาชนไทยยังคงได้รับความเดือนร้อนจากภัยพิบัติน้ำท่วม ท่านประธานธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เล็งเห็นถึงความยากลำบากดังกล่าว จึงมีนโยบายให้เครือเจริญโภคภัณฑ์และซีพีเอฟ ร่วมกันเคียงข้างคนไทยช่วยภัยน้ำท่วม ด้วยการตั้งเต็นท์โรงอาหารเพื่อประกอบอาหารแจกจ่ายให้กับประชาชนครอบคลุมพื้นที่ 10 จังหวัด ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ในปัจจุบัน
ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครสวรรค์ พิจิตร อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี และปทุมธานี โดยวันนี้ (7 ตุลาคม) ได้เริ่มลงพื้นที่ที่ศาลากลางจังหวัดอยุธยาเป็นแห่งแรก ส่วนอีก 9 จังหวัดกำลังเร่งดำเนินการและคาดว่าจะสามารถเริ่มประกอบอาหารแจกจ่ายได้ภายในวันพรุ่งนี้
สำหรับเต็นท์โรงอาหารจะประกอบอาหารสดวันละ 3 มื้อ ประมาณ 4,000-5,000 กล่องต่อจังหวัด โดยจะบรรจุกล่องพร้อมน้ำดื่มสำหรับแจกจ่ายผู้ประสบภัย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหารซึ่งจำเป็นต่อการดำรงค์ชีวิต
ส่วนผู้ที่ไม่สามารถมารับข้าวกล่องได้จะมีพนักงานซีพีเอฟจิตอาสานำน้ำดื่ม ข้าวกล่อง และอาหารสำเร็จรูปในซองพร้อมรับประทาน หรือรีทอร์ต เพาช์ (Retort Pouch) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ในการผลิตอาหารที่ซีพีเอฟนำมาใช้ทำให้สามารถเก็บอาหารดังกล่าวในอุณหภูมิปกติไว้ได้นาน 18 เดือน เพียงฉีกซองไม่ต้องอุ่นก็สามารถทานได้ดังเช่นอาหารปรุงเสร็จใหม่ๆ จึงสะดวกต่อการบริโภคและไม่เป็นภาระในการปรุงอาหารสำหรับผู้ประสบภัย
ทั้งนี้ ซีพีเอฟซึ่งมีสาขาและโรงงานตั้งอยู่ในหลายพื้นที่ จึงสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างเร่งด่วนและทันท่วงทีมาโดยตลอด นับตั้งแต่เกิดเหตุอุทกภัยในเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังสนับสนุนเงินช่วยเหลือผ่านสำนักนายก รวมทั้งจัดถุงยังชีพบรรจุข้าวสารอาหารแห้งรวม 10,000 ถุง โดยมอบบางส่วนผ่านกระทรวงมหาดไทย และอีกส่วนบริษัทได้จัดรถคาราวานถุงยังชีพนำไปแจกจ่ายในพื้นที่ประสบปัญหาด้วยตนเอง ตลอดจนการสนับสนุนอาหารและน้ำดื่ม ผ่านหลากหลายองค์กร อาทิ มูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย กาชาดจังหวัด ผู้ว่าราชการ นายอำเภอ องค์การบริหารส่วนตำบล และการช่วยเหลือผ่านสื่อมวลชน โดยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยไปแล้วด้วยงบประมาณ 50 ล้านบาท
การจัดเต็นท์โรงอาหารช่วยเหลือในครั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณอีก 50 ล้านบาท และเมื่อรวมกับความช่วยเหลือกรณีอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปีนี้ ที่กลุ่มบริษัทในเครือซีพีและซีพีเอฟดำเนินการมาตลอดจนถึงปัจจุบัน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากการพี่น้องประชาชนไทยยังคงได้รับความเดือนร้อนจากภัยพิบัติน้ำท่วม ท่านประธานธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เล็งเห็นถึงความยากลำบากดังกล่าว จึงมีนโยบายให้เครือเจริญโภคภัณฑ์และซีพีเอฟ ร่วมกันเคียงข้างคนไทยช่วยภัยน้ำท่วม ด้วยการตั้งเต็นท์โรงอาหารเพื่อประกอบอาหารแจกจ่ายให้กับประชาชนครอบคลุมพื้นที่ 10 จังหวัด ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ในปัจจุบัน
ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครสวรรค์ พิจิตร อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี และปทุมธานี โดยวันนี้ (7 ตุลาคม) ได้เริ่มลงพื้นที่ที่ศาลากลางจังหวัดอยุธยาเป็นแห่งแรก ส่วนอีก 9 จังหวัดกำลังเร่งดำเนินการและคาดว่าจะสามารถเริ่มประกอบอาหารแจกจ่ายได้ภายในวันพรุ่งนี้
สำหรับเต็นท์โรงอาหารจะประกอบอาหารสดวันละ 3 มื้อ ประมาณ 4,000-5,000 กล่องต่อจังหวัด โดยจะบรรจุกล่องพร้อมน้ำดื่มสำหรับแจกจ่ายผู้ประสบภัย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหารซึ่งจำเป็นต่อการดำรงค์ชีวิต
ส่วนผู้ที่ไม่สามารถมารับข้าวกล่องได้จะมีพนักงานซีพีเอฟจิตอาสานำน้ำดื่ม ข้าวกล่อง และอาหารสำเร็จรูปในซองพร้อมรับประทาน หรือรีทอร์ต เพาช์ (Retort Pouch) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ในการผลิตอาหารที่ซีพีเอฟนำมาใช้ทำให้สามารถเก็บอาหารดังกล่าวในอุณหภูมิปกติไว้ได้นาน 18 เดือน เพียงฉีกซองไม่ต้องอุ่นก็สามารถทานได้ดังเช่นอาหารปรุงเสร็จใหม่ๆ จึงสะดวกต่อการบริโภคและไม่เป็นภาระในการปรุงอาหารสำหรับผู้ประสบภัย
ทั้งนี้ ซีพีเอฟซึ่งมีสาขาและโรงงานตั้งอยู่ในหลายพื้นที่ จึงสามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างเร่งด่วนและทันท่วงทีมาโดยตลอด นับตั้งแต่เกิดเหตุอุทกภัยในเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังสนับสนุนเงินช่วยเหลือผ่านสำนักนายก รวมทั้งจัดถุงยังชีพบรรจุข้าวสารอาหารแห้งรวม 10,000 ถุง โดยมอบบางส่วนผ่านกระทรวงมหาดไทย และอีกส่วนบริษัทได้จัดรถคาราวานถุงยังชีพนำไปแจกจ่ายในพื้นที่ประสบปัญหาด้วยตนเอง ตลอดจนการสนับสนุนอาหารและน้ำดื่ม ผ่านหลากหลายองค์กร อาทิ มูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย กาชาดจังหวัด ผู้ว่าราชการ นายอำเภอ องค์การบริหารส่วนตำบล และการช่วยเหลือผ่านสื่อมวลชน โดยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยไปแล้วด้วยงบประมาณ 50 ล้านบาท
การจัดเต็นท์โรงอาหารช่วยเหลือในครั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณอีก 50 ล้านบาท และเมื่อรวมกับความช่วยเหลือกรณีอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปีนี้ ที่กลุ่มบริษัทในเครือซีพีและซีพีเอฟดำเนินการมาตลอดจนถึงปัจจุบัน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท
