ตาก -รัฐมนตรีพลังงาน ยกทีมตรวจสถานการณ์น้ำเขื่อนภูมิพล รับปีนี้น้ำมากเป็นประวัติการณ์ จนเหลือพื้นที่รับน้ำอีกไม่ถึง 1% ต้องปล่อยออกรอรับน้ำเหนือระลอกใหม่ เผย หากอีก 1 สัปดาห์น้ำเหนือไม่เพิ่มก็ลดปล่อยน้ำ พร้อมตั้งคำถามสังคมไทยถึงเวลาสร้างเขื่อนเพิ่มหรือยัง
วันนี้ (8 ต.ค.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายณอุณ สิทธิวงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน และคณะ ได้เดินทางตรวจสถานการณ์น้ำของอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล รวมทั้งร่วมวางแผนการระบายน้ำ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวของเขื่อน เพื่อให้ส่งผลกระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุด
โดยมี นายสุทัศน์ ปัทมศิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ, นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และ นายบุญอินทร์ ชื่นชวลิต ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล ให้การต้อนรับ รวมทั้งเข้าฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำที่ผ่านมา จากนั้นได้เดินทางไปตรวจการระบายน้ำฉุกเฉินบนสันเขื่อน
นายพิชัย เปิดเผยว่า การมาตรวจสถานการณ์เขื่อนภูมิพลครั้งนี้ เพื่อมาให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า ข่าวที่ออกมาต่างๆ นานา ว่า เขื่อนจะแตกเป็นไปไม่ได้ เพราะเขื่อนเรามีความมั่นคงแข็งแรง รวมทั้งมีการดูแลอยู่ตลอดเวลา อีกเรื่องคือเขื่อนต่างๆสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ได้มาก ซึ่งขณะนี้เราไม่ได้สร้างเขื่อนกันมานานแล้ว ถึงเวลาที่จะมาพิจารณาเรื่องนี้ได้หรือยัง เพราะปัจจุบันมีน้ำมากเหลือเกิน โดยเฉพาะปีนี้มากเป็นประวัติการณ์ ซึ่งรัฐบาลก็ได้แก้ไขอย่างสุดความสามารถแล้ว ส่วนการระบายน้ำของเขื่อนภูมิพลในช่วงนี้เพราะมีน้ำมากเกิน ซึ่งหากอีก 1 อาทิตย์น้ำเหนือลดลงทางเขื่อนภูมิพล ก็จะพิจารณาลดการระบายน้ำลง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชนที่อยู่ใต้เขื่อนได้
ทั้งนี้ โดยปัจจุบันเขื่อนมีน้ำกักเก็บทั้งสิ้น 13,351 ล้าน ลบ.ม.เหลืออีก 111 ล้าน ลบ.ม.โดยทำการระบายทั้งสองช่องทาง คือ ช่องทางปกติ และช่องทางฉุกเฉิน จำนวน 100 ล้าน ลบ.ม.เนื่องจากเหลืออีก 0.83 เปอร์เซ็นต์น้ำจะล้นอ่าง ในขณะที่มีน้ำไหลเข้าวานนี้จำนวน 136 ล้าน ลบ.ม.นอกจากนี้ น้ำที่ไหลลงมาบรรจบจากแม่น้ำวังลงสู่แม่น้ำปิงอีกจำนวนมหาศาลในแต่ละวัน ส่งผลให้มีมวลน้ำไหลผ่านตัวอำเภอเมืองตากมากถึงวินาทีละ 2,375 ลูกบาศก์เมตร หรือวันละ 205 ล้าน ลบ.ม.ทำให้แม่น้ำปิงรับไม่ไหวไหลเข้าท่วมพื้นที่ อ.บ้านตาก อ.เมืองตาก และ อ.วังเจ้า ซึ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนแล้วกว่า 1,000 ครอบครัว
