xs
xsm
sm
md
lg

สุรินทร์ฝนตกไม่หยุดน้ำขัง “หัวมันฯ” เน่า - เสียหายหนักกว่า 2 หมื่นไร่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฝนตกต่อเนื่องน้ำท่วมขัง ทำหัวมันสำปะหลังของเกษตรกรเมืองช้างเน่าเสียหายกว่า 2 หมื่นไร่ ใน 4 อำเภอ ชายแดนไทย-กัมพูชา วอนรัฐบาลช่วยเหลือชดเชยและแก้ปัญหาราคาตกต่ำด่วน วันนี้ ( 5 ต.ค.)
สุรินทร์ - ฝนตกต่อเนื่องน้ำท่วมขัง ทำหัวมันสำปะหลังเกษตรกรชาวเมืองช้างเน่าเสียหายกว่า 2 หมื่นไร่ ใน 4 อำเภอชายแดนไทย-กัมพูชา เดือดร้อนหนักวอนรัฐบาลช่วยเหลือชดเชยความเสียหายและแก้ปัญหาราคาตกต่ำเร่งด่วน

วันนี้ ( 5 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์นอกจากทำให้น้ำในแม่น้ำมูล และแม่น้ำชี รวมถึงลำน้ำสาขาต่างๆ ล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมนาข้าวเกษตรกรได้รับความเสียหายล่าสุดในพื้นที่ 5 อำเภอ 16 ตำบล 89 หมู่บ้าน ประกอบด้วย อ.เมืองสุรินทร์ ,สำโรงทาบ , ท่าตูม , ชุมพลบุรี และ อ. ศรีณรงค์ กว่า 22,000 ไร่ แล้ว ยังพบว่าไร่มันสำปะหลังของเกษตรกร ต้องประสบปัญหาหัวมันสำปะหลังเน่าเสียหายเป็นจำนวนมาก

โดยในพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังของ จ.สุรินทร์ ใน 4 อำเภอ ติดแนวชายแดน ไทย - กัมพูชา ประกอบด้วย อ.บัวเชด ,กาบเชิง , สังขะ และ อ.พนมดงรัก ขณะนี้เกษตรกรกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากฝนตกชุกเกินไปทำให้พื้นดินมีน้ำขังและชุ่มน้ำมาก ส่งผลให้รากและหัวมันสำปะลังเน่าเสียหาย เป็นบริเวณกว้างรวมกว่า 22,956 ไร่

ทั้งนี้เกษตรกรบางรายต้องยอมทิ้งไร่มันเพราะไม่คุ้มทุนในการขุดขึ้นมาขายเนื่องจากหัวมันส่วนใหญ่เน่าเสียหายเกือบหมดแล้ว หลายรายต้องเร่งเก็บเกี่ยวหัวมันสำปะหลังก่อนกำหนดถึงแม้ยังไม่โตเต็มที่ และถูกกดราคารับซื้อจากนายทุนเจ้าของลานมัน แต่ต้องจำใจรับสภาพกับภาวะขาดทุนอย่างเลี่ยงไม่ได้

นางบัวเนียม กิ่งแก้ว อายุ 65 ปี เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะลัง อยู่บ้านเลขที่ 132/2 ม. 8 บ.ตาพราม ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ตนได้ปลูกมันสำปะหลังกว่า 10 ไร่ ต้องเร่งถอนหัวมันก่อนกำหนด และยอมขายในราคาถูก เพราะหัวมันสำปะหลังกำลังเน่าเสียหายอย่างมาก ซึ่งต้องประสบปัญหาการขาดทุนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เช่นเดียวกับเกษตรกรคนอื่นๆ และถือว่าเป็นปีแรกที่ฝนตกหนักต่อเนื่องหลายสัปดาห์ จนทำให้ไร่มันสำปะหลังในพื้นที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักดังกล่าว

“มันสำปะหลังที่ปลูกกว่า 10 ไร่ เน่าเสียหายไปกว่าครึ่ง เนื่องจากดินชุ่มน้ำมากเกินไปจากฝนที่ตกมาต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องถอนก่อนกำหนด หากปล่อยไว้ก็จะเน่าเสียหายทั้งหมด และยอมขายในราคาที่ต่ำลงจากการถูกกดราคาของลานมัน ขณะนี้ราคามันเหลืออยู่ที่กิโลกรัมละ 1.70 บาท เท่านั้น จากเดือนก่อนมีราคาถึงกิโลกรัมละ 2 - 2.50 บาท จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องราคามันสำปะหลังให้สูงกว่านี้ และ ช่วยชดเชยค่าเสียหายหัวมันสำปะหลังเน่า อย่างน้อยขอให้ได้ทุนกลับคืนมา” นางบังเนียม กล่าว

ด้าน นายทุเรียน สามาน อายุ 32 ปี เกษตรกรปลูกมันสำปะหลัง อีกราย กล่าวว่า มันสำปะหลังเริ่มเน่า จึงจำเป็นต้องเร่งถอนหัวมัน ซึ่งเกษตรกรประสบปัญหากันทุกรายในขณะนี้ จึงต้องการให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาในเรื่องราคาให้สูงขึ้น และชดเชยความเสียหายให้ทั่วถึงกันโดยเร็วด้วย

ขณะที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดสุรินทร์ ได้สำรวจความเสียหายของเกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังแล้ว เพื่อเตรียมการช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว โดยพบพื้นที่เสียหายประมาณ 22,956 ไร่ ใน 4 อำเภอ ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย อ.บัวเชด ,กาบเชิง ,สังขะ และ อ.พนมดงรัก เนื่องจากฝนที่ตกชุกทำให้พื้นดินมีน้ำขังส่งผลให้รากและหัวมันสำปะลังเน่า เสียหายจำนวนมากดังกล่าว





กำลังโหลดความคิดเห็น