หอฯ ตากวอน “ยิ่งลักษณ์” เจรจาพม่าเร่งเปิดด่าน-บูมเขตเศรษฐกิจแม่สอด-เมียวดี

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่/ตาก - ปธ.หอตาก ขอ “ยิ่งลักษณ์” เจรจาพม่า สร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด-เมียวดี พร้อมร่วมขับเคลื่อนความร่วมมือ เส้นทางคมนาคมและระบบลอจิสติกส์ เสริมการค้าชายแดนพร้อมเร่งเปิดด่านฯ

นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือน และพบ พล.อ.เต็งเส่ง ประธานาธิบดีพม่า ที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงของพม่า ว่าอยากเสนอให้นายกรัฐมนตรี ได้เจรจากับพม่าเพื่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมแม่สอด-เมียวดี และสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนและสนับสนุนเส้นทางคมนาคมจากนครแม่สอด-เมียวดี-เชิงเขาตะนาวศรี ไปจนถึงเมืองกอกาเรก และร่วมส่งเสริม เพิ่มศักยภาพระบบลอจิสติกส์ เพื่อให้การค้าและการลงทุนรวมทั้งการท่องเที่ยวชายแดนไทย-พม่า เดินหน้าไปด้วยดีส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนอย่างเป็นระบบ และเป็นเมืองหน้าด่านและประตูการค้าระหว่างประเทศ

ขณะนี้ เมืองเมียวดี รัฐบาลพม่าได้ประกาศจัดตั้งให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไปแล้ว และในส่วนของนครแม่สอดนั้น มติคณะรัฐมนตรีก็ได้ประกาศจัดตั้งให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษนครแม่สอด ซึ่งรัฐบาลก็ควรนำมาประกาศใช้อย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดความร่วมมือเมืองเขตเศรษฐกิจร่วมแม่สอด-เมียวดี โดยให้เป็นเมืองคู่แฝด ส่งเสริมการค้าการลงทุนการท่องเที่ยว ในฐานะประตูการค้าชายแดนระหว่างประเทศบนระเบียงเศรษฐกิจอีสเวสต์อีโคโนมิกคอริดอร์ (EWEC)

“การเดินทางไปเยือนและพบผู้นำพม่าของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะนำไปสู่การเปิดด่านการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดี โดยเร็ววันอีกด้วย” ประธานหอการค้าจังหวัดตากกล่าว

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก ได้ทำหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 2 ฉบับ คือ ฉบับแรก หนังสือที่ หกค.มส.253/2544 โดยระบุว่า ตามที่รัฐบาลสหภาพเมียนมาร์ ได้มีคำสั่งให้ปิดด่านถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ ด้านอำเภอแม่สอด-เมียวดี ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2553 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการค้าชายแดนและความสะดวกในการขนถ่ายสินค้า ตลอดจนก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อการเดินทางไปมาหาสู่ของประชาชนทั้งสองฝั่งเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ปิดด่านถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ ด้านอำเภอแม่สอด-เมียวดี จนถึงปัจจุบัน ทำให้ยอดการส่งออกสินค้าเสียหายนับหมื่นล้านบาท

หอการค้าจังหวัดตากจึงขอให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเร่งด่วนเพื่อให้การค้า การท่องเที่ยวและการเดินทางไปมาหาสู่ของประชาชนทั้งสองประเทศกลับสู่ภาวะปกติ

หนังสือฉบับที่ 2 คือ หนังสือ ที่ หกค.มส.254/2544 เรื่องขอให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนแม่สอด โดยระบุว่าตามที่หอการค้าจังหวัดตาก หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ได้ร่วมกันผลักดันโครงการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนแม่สอด และโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - พม่า แห่งที่ 2 เพื่อรองรับการเป็นประตูด้านตะวันตก ตามแนว East-West Economic Corridor และการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 พร้อมทั้งเตรียมความพร้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของการเป็นประตูการค้าชายแดนของประเทศไทย

หอการค้าจังหวัดตากเห็นว่า การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนแม่สอดอันจะเป็นจุดยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต จึงขอให้รัฐบาลได้สนับสนุนและผลักดันให้เกิดเป็นจริงได้โดยเร็วต่อไป