ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตร.ภาค 3 ระดมกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ 8 จังหวัดอีสานใต้ ประจำสัปดาห์ ได้ผู้ต้องหารวมกว่า 200 ราย ยาบ้าของกลางอีกกว่า 2,000 เม็ด ตามยึดทรัพย์ได้กว่า 4 ล้าน ด้าน ผบช.ภ.3 เผยพบตำรวจมีเอี่ยวขบวนการค้ายาบ้า 14 นาย สั่งฟันไม่เลี้ยงและมีข้าราชการหน่วยอื่นกว่า 20 คน ถูกดำเนินคดีทั้งหมดแล้ว ย้ำตามยึดทรัพย์ทุกราย
วันนี้ (3 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ห้องประชุมสารสิน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) แถลงผลการกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง ประกอบด้วย นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, ยโสธร และ อำนาจเจริญ ระหว่างวันที่ 1-2 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจำนวนทั้งสิ้น 229 ราย รวมผู้ต้องหา 232 คน แยกเป็นข้อหาจำหน่าย 18 ราย ผู้ต้องหา 20 คน, ข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย 22 ราย ผู้ต้องหา 23 คน, ข้อหาครอบครอง จำนวน 21 ราย ผู้ต้องหา 21 คน ข้อหาเสพ จำนวน 169 ราย ผู้ต้องหา 168 คน พร้อมของกลางยาบ้า 2,287 เม็ด เลื่อยยนต์ 1 เครื่อง กระสุนปืน และต้นกัญชาที่ลักลอบปลูกไว้หลังบ้านในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อีกจำนวนหนึ่ง โดยจังหวัดที่มีการจับกุมยาบ้าได้มากที่สุด คือ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 831 เม็ด รองลงมาคือ จ.อุบลราชธานี จำนวน 597 และ จ.ชัยภูมิ 379 เม็ด
พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผบช.ภ.3 เปิดเผยว่า การระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดของ ตร.ภ.3 เป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) โดยจะระดมกวาดล้างสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เน้นผู้จำหน่ายรายย่อยในพื้นที่เป็นหลัก โดยพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดค่อนข้างรุนแรงในพื้นที่ 8 จังหวัดอีสานล่าง มีทั้งสิ้น 19 อำเภอ ล่าสุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้หลายราย รวมของกลางยาบ้ากว่า 3,000 เม็ด และมีกัญชาอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งผลการดำเนินงานเป็นที่พอใจระดับหนึ่ง แม้ว่าการกวาดล้างจะยึดยาบ้าได้ไม่มากนัก แต่ทรัพย์สินที่ยึดได้มีจำนวนมาก เฉพาะ จ.ศรีสะเกษ รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 2 ล้านเศษ และ จ.ยโสธร ยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาบ้าได้ คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เช่นกัน
ส่วนแผนการดำเนินการเชิงรุกในการติดตามจับกุมตัวผู้ค้ารายใหญ่นั้น พล.ต.ท.เดชาวัต กล่าวว่า การจับกุมที่ผ่านมาเป็นเพียงผู้ค้ารายย่อย ขณะนี้เจ้าหน้าที่พยายามสืบสวนสอบสวนขยายผลให้ถึงผู้ค้ารายใหญ่ ซึ่งจากการสอบสวนพบว่าผู้ค้ารายใหญ่ ยังคงเป็นนายทุนในประเทศ ส่วนกรณีที่ข้าราชการตำรวจจะไปเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์จากขบวนการยาเสพติดนั้น ขณะนี้ได้สั่งการไปทุกจังหวัดแล้ว โดยให้ผู้บังคับบัญชาสอดส่องพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด และให้กำชับกันทุกสัปดาห์
จากรายงานในพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง พบว่า มีข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด ประมาณ 14 คน ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายไปทั้งหมดแล้ว รวมถึงข้าราชการหน่วยอื่นอีกกว่า 20 คน ก็ดำเนินคดีไปหมดแล้วเช่นกัน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างติดตามตัวบางคนที่หลบหนี
“หากพบข้าราชการตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด จะถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดทั้งหมด เพราะไม่เช่นนั้นการแพร่ระบาดของยาเสพติดจะรุนแรงต่อไป และขอเรียนว่าในการจับกุมผู้จำหน่ายยาเสพติด หรือครอบครองเพื่อจำหน่าย เราจะสอบสวนขยายผลให้ไปถึงต้นตอ และติดตามยึดทรัพย์ทุกรายไปไม่มีเว้น ซึ่งห้วงที่ผ่านมาได้ยึดทรัพย์ไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท” พล.ต.ท.เดชาวัต กล่าวในที่สุด
