ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - รพ.มหาราชนครราชสีมา เตรียมพร้อมป้องกันและรับมือน้ำ “ลำตะคอง” ทะลักท่วมใหญ่ซ้ำรอยปีที่ผ่านมา เผยร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้องตั้ง กองอำนวยการเฉพาะกิจแก้ปัญหาและเฝ้าระวังเหตุการณ์ 24 ชม. พร้อมเร่งทำแนวกำแพงป้องกันระบบสำคัญของ รพ.ไม่ให้ได้รับผลกระทบ และมาตรการระบบส่งต่อผู้ป่วยกรณีท่วมหนัก
วันนี้ (19 ก.ย.) นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนคราชสีมา จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมามีการวางแผนป้องกัน และ เตรียมรับมือกับปัญหาน้ำท่วมภายในโรงพยาบาลอย่างเต็มที่ โดยได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานภายนอก ได้แก่ กองทัพภาคที่ 2, จังหวัดนครราชสีมา, องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา, เทศบาลนครนครราชสีมา, โรงพยาบาลค่ายสุรนารี, หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา, ผู้นำชุมชน และผู้แทนหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ เพื่อประสานความร่วมมือการปฏิบัติงานและให้ระบบบริการของโรงพยาบาลมีผลกระทบจากน้ำท่วมน้อยที่สุด โดยจะตั้งเป็นกองอำนวยการเฉพาะกิจแก้ปัญหาน้ำท่วมขึ้น ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต่อศักดิ์ เหลืองตระกูล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 21 ดูแลพื้นที่โรงพยาบาล ซึ่งได้นำกำลังพลมาช่วยบรรจุกระสอบทรายเพื่อเตรียมนำไปใช้เป็นแนวกั้นน้ำในพื้นที่สำคัญ
นอกจากนี้ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้ตั้งคณะกรรมการควบคุมกำกับเตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วมเฝ้าระวังเหตุการณ์พร้อมแก้ปัญหา ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งได้ประชุมซักซ้อมแผนงานเตรียมป้องกันระบบบริการที่สำคัญต่องานรักษาพยาบาลไม่ให้ได้รับผลกระทบ เช่น ทำแนวกำแพงรอบหม้อแปลงไฟฟ้า ปั๊มประปา แผงกั้นตามประตูอาคาร และทำบ่อเพื่อติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดเล็ก, เคลื่อนย้ายปั๊มน้ำที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม, ปรับพื้นและยกเครื่องจักรโรงซักฟอกให้สูงจากระดับพื้น 1.2 เมตร, ย้ายโรงประกอบอาหาร, เสริมสันเขื่อนริมลำตะคองระยะทาง 1.3 กิโลเมตร
นพ.ธีรพลกล่าวต่อว่า หากต้องประสบน้ำท่วมไม่สามารถเปิดบริการผู้ป่วยนอกได้ จะมีจุดบริการตรวจโรคทั่วไป 2 จุด คือ ข้างโรงแรมพีกาซัส และวัดพายัพ พร้อมออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การรักษาและจ่ายยา ให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้ รวมทั้งจะมีทีมจิตแพทย์ไปเยียวยาดูแลด้านจิตใจของผู้ประสบภัย กรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้จะประสานกับโรงพยาบาลค่ายสุรนารี และโรงพยาบาลใกล้เคียงรับผู้ป่วยผ่าตัดเร่งด่วน ส่วนระบบส่งต่อผู้ป่วยมีการประสานเครือข่ายในเขตสาธารณสุขที่ 14 และโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย จึงมั่นใจว่ามีความพร้อมในเกือบทุกด้าน