สุรินทร์- เมืองช้างสนธิกำลัง ตร.- ตชด.- จนท.ป่าไม้และฝ่ายปกครอง บุกทลายโกดังตรวจยึดไม้พะยูงล็อตใหญ่ได้กว่า 500 ท่อน มูลค่าส่งออกต่างประเทศกว่า 100 ล้าน ซุกกลางหมู่บ้าน ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง สุรินทร์ ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา
วันนี้ (16 ก.ย.) เวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) สุรินทร์ , พ.ต.อ.เกรียงศักดิ์ แก้วมณี รอง ผบก.ภ.จว.สุรินทร์, พ.ต.อ.นิธิศ ปิติธีระโชติ ผกก.สภ.กาบเชิง , นายประสิทธิ์ บุญลิขิต ปลัดจังหวัดสุรินทร์ ,พ.ต.อ.เดชา คำเกิด ผกก. กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ 21 , พ.ต.ท.สุกิจ ก้องจตุจักร ผบ.ร้อย.ตชด.217 , ร.ต.ท.จักรพงษ์ พวงบุตร หน.ชปข.ร้อย ตชด.214 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ป่าไม้กาบเชิงและจังหวัดสุรินทร์,เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และ อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) อ. กาบเชิง จ.สุรินทร์
ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 30 นาย เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 74 หมู่ที่ 10 บ้านปลัดฤาษี ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา มี นายรู เชีย ชาวจีน เป็นเจ้าของ ซึ่งบ้านหลังนี้เดิมเป็นที่ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ และประดิษฐกรรมรูปไม้เก่า และ เจ้าของคนเดิม ได้ขายให้ นาย รู เชีย ชาวจีน ที่มีภรรยาเป็นชาวไทย ก่อนดัดแปลงมาเป็นโกดังเก็บไม้พะยูงเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี และทหาร กองกำลังสุรนารี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และตำรวจ สภ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ได้จับกุม ขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูง ตามแนวเทือกเขาพนมดงรัก เขต อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และได้สอบปากคำ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ ว่า ไม้พะยูง ส่วนหนึ่งส่งมาขายให้กับ นายรู เชีย เจ้าของโกดังที่บ้านปลัดฤาษี ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ แห่งนี้
จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่พบไม้พะยูงที่ถูกตัดเป็นท่อน เก็บไว้ภายในโกดัง ซึ่งถูกแบ่งเก็บในห้อง ๆ ตามเกรดของเนื้อไม้ จำนวน 6 ห้อง เป็นไม้พะยูงขนาดหน้าตัด 30-80 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 2 เมตร ถูกเก็บไว้ในห้องรวมจำนวนกว่า 500 ท่อน
นอกจากนั้นยังมีไม้พะยูง ที่ถูกตัดมาใหม่ แปรรูปเก็บไว้ในห้องอีกกว่า 20 แผ่น และยังมีต้นไม้พะยูงที่ถูกโค่นมาทั้งต้นอีก 10 ต้น เพื่อรอการแปรรูป
เจ้าหน้าที่ป่าไม้สุรินทร์ ระบุว่า ไม้พะยูงทั้งหมด มีจำนวน กว่า 500 ท่อน ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมเนื้อไม้กว่า 200 ลูกบาศก์เมตร มูลค่าไม้ตลาดในประเทศไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท และหากส่งไปขายได้ถึงประเทศจีนจะมีมูลค่าสูงกว่า 100 ล้านบาท สำหรับแหล่งที่มาของไม้พะยูง ส่วนหนึ่งถูกลักลอบตัดในป่าเทือกเขาพนนมดงรัก ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงมีไม้พะยูงอยู่อย่างหนาแน่นแห่งเดียวของประเทศไทย ตลอดพื้นที่แนวชายแดนในเขต จ.อุบลราชธานี,สุรินทร์ ,ศรีสะเกษ,บุรีรัมย์ และมีไม้บ้างส่วนที่เจ้าของไม้อ้างว่า เป็นไม้เก่ารับชื้อจากชาวบ้าน ที่ตัดตามที่ดินในไร่นาของชาวบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไม้ของกลางทั้งหมดไว้ตรวจสอบ และให้ผู้เป็นเจ้าของไม้นำหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ นายรู เชีย ชาวจีน มีภรรยาเป็นชาวไทยและมาซื้อโรงงานแปรรูปไม้เก่าและดัดแปลงเป็นโกดังเก็บไม้พะยูงแห่งดังกล่าวนี้ เป็นนายหน้ารับซื้อไม้พะยูงรายใหญ่ทั้งเป็นไม้เก่าและไม้ใหม่ เพื่อส่งไปขายยังประเทศจีน มีคนงานในโกดังจำนวน 6 คนเป็นชาวกัมพูชาและชาวพม่า ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบการเข้าเมืองอีกครั้ง
