ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เขื่อนแม่กวงเตือนปริมาณน้ำใกล้เต็มอ่างแล้ว หลังฝนตกในเชียงใหม่ต่อเนื่อง ทำปริมาณน้ำพุ่งเกิน 95% คาด หากน้ำยังไหลเข้าเยอะไม่เกินสิ้นเดือน ก.ย.น้ำล้นสปิลเวย์แน่ ส่วนแผนพร่องน้ำแจงต้องระวังกระทบท้ายเขื่อน-หากฝนตกไม่ปล่อยน้ำออก ยันแจ้งอำเภอ/อปท.ในพื้นที่เร่งเตือนชาวบ้านติดตามสถานการณ์แล้ว
นายวัธนา กีรกะจินดา หัวหน้าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวง เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธาราใกล้จะเต็มความจุอ่างแล้ว พร้อมทั้งระบุว่า หากปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างยังคงมีจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ดังเช่นที่เป็นอยู่ในขนาดนี้ คาดว่า ภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ น้ำในเขื่อนจะล้นสปิลล์เวย์อย่างแน่นอน
จากปริมาณฝนที่ตกหนักในจังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลให้เขื่อนแม่กวงอุดมธารา มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ปริมาณน้ำภายในเขื่อนอยู่ที่ 250.120 ล้าน ลบ.ม.จากความจุอ่าง 263 ล้าน ลบ.ม.หรือคิดเป็นร้อยละ 95.1 ของความจุอ่าง ทำให้ในขณะนี้เขื่อนแม่กวงอุดมธารายังสามารถรองรับน้ำได้อีกเพียง 13 ล้าน ลบ.ม.
นายวัธนา ระบุว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่มีปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่เหนือเขื่อนแม่กวงอุดมธารามากกว่าหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากที่สุดในรอบ 10 ปี โดยสถานการณ์ล่าสุดมีน้ำไหลเข้าเขื่อนเฉลี่ยวันละประมาณ 2-3 ล้าน ลบ.ม.หากปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนยังอยู่ในระดับนี้อย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลให้น้ำจะเต็มความจุและล้นจากสปิลล์เวย์ไปสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงได้แจ้งข้อมูล ไปยังอำเภอและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบให้แจ้งเตือนต่อไปยังประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ขณะที่การระบายน้ำออกจากเขื่อนแม่กวงอุดมธารา นายวัธนา กล่าวว่า ทางเขื่อนได้พยายามเร่งระบายน้ำลงสู่ลำน้ำแม่กวง เฉลี่ยวันละประมาณ 1.5 ล้าน ลบ.ม.หรือเต็มที่ที่ 2 ล้าน ลบ.ม. อย่างไรก็ตาม การพร่องน้ำออกจากเขื่อน เพื่อรองรับน้ำที่จะไหลเข้าอ่างยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่องเกือบทุกวัน และต้องพิจารณาถึงผลกระทบจากการระบายน้ำออกจากเขื่อนด้วย
ในขณะนี้หากมีฝนตก หรือยังมีน้ำขังในพื้นที่ท้ายเขื่อนจะไม่มีการระบายน้ำออกอย่างเด็ดขาด แต่หากไม่มีฝนตกหรือไม่มีน้ำท่วมขังทางเขื่อน ก็จะเร่งทำการระบายน้ำออกเพื่อรองรับน้ำที่จะเข้ามาใหม่
หัวหน้าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวง กล่าวเพิ่มเติมว่า หากปริมาณน้ำยังไหลเข้ามากอย่างต่อเนื่อง น้ำก็อาจจะเต็มความจุอ่างก่อนสิ้นเดือนได้ด้วยเช่นกัน ส่วนกรณีที่ปริมาณน้ำในเขื่อนเต็มความจุและล้นออกจากสปิลเวย์ ต้องดูว่าปริมาณน้ำที่ล้นออกมามีมากน้อยเพียงใด หากล้นออกมาเพียง 2-3 ล้าน ลบ.ม.ยังถือเป็นปริมาณที่ลำน้ำกวงสามารถรองรับไว้ได้อยู่ และจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่ถ้าปริมาณน้ำที่ล้นจากสปิลเวย์มีมากกว่านั้นก็จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนเพิ่มมากขึ้น โดยพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ พื้นที่ของ อ.สันทรายซึ่งจะเป็นจุดรับน้ำแห่งแรกหากน้ำล้นออกจากเขื่อน
ทั้งนี้ จากปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องใน จ.เชียงใหม่ ส่งผลให้น้ำที่ไหลเข้าสู่อ่างเก็บน้ำและเขื่อนมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น โดยอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีอยู่ 12 แห่ง มีถึง 9 แห่งที่มีปริมาณน้ำสูงกว่าร้อยละ 90 ของความจุในขณะนี้ ขณะที่เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล มีระดับน้ำล่าสุดอยู่ที่ 223.274 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 84.25 ของความจุอ่าง เหลือพื้นที่รองรับน้ำอีกประมาณร้อยละ 15 ของความจุอ่าง ซึ่งเขื่อนแจ้งว่า ได้ระบายน้ำออกวันละ 809,273 ลบ.ม. เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและพร่องน้ำออกจากเขื่อน พร้อมทั้งยืนยันว่า จะไม่มีการปล่อยน้ำมากกว่านี้ เนื่องจากจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงเพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลิ่งได้
นายวัธนา กีรกะจินดา หัวหน้าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวง เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธาราใกล้จะเต็มความจุอ่างแล้ว พร้อมทั้งระบุว่า หากปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างยังคงมีจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ดังเช่นที่เป็นอยู่ในขนาดนี้ คาดว่า ภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ น้ำในเขื่อนจะล้นสปิลล์เวย์อย่างแน่นอน
จากปริมาณฝนที่ตกหนักในจังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลให้เขื่อนแม่กวงอุดมธารา มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ปริมาณน้ำภายในเขื่อนอยู่ที่ 250.120 ล้าน ลบ.ม.จากความจุอ่าง 263 ล้าน ลบ.ม.หรือคิดเป็นร้อยละ 95.1 ของความจุอ่าง ทำให้ในขณะนี้เขื่อนแม่กวงอุดมธารายังสามารถรองรับน้ำได้อีกเพียง 13 ล้าน ลบ.ม.
นายวัธนา ระบุว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่มีปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่เหนือเขื่อนแม่กวงอุดมธารามากกว่าหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากที่สุดในรอบ 10 ปี โดยสถานการณ์ล่าสุดมีน้ำไหลเข้าเขื่อนเฉลี่ยวันละประมาณ 2-3 ล้าน ลบ.ม.หากปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนยังอยู่ในระดับนี้อย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลให้น้ำจะเต็มความจุและล้นจากสปิลล์เวย์ไปสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงได้แจ้งข้อมูล ไปยังอำเภอและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบให้แจ้งเตือนต่อไปยังประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ขณะที่การระบายน้ำออกจากเขื่อนแม่กวงอุดมธารา นายวัธนา กล่าวว่า ทางเขื่อนได้พยายามเร่งระบายน้ำลงสู่ลำน้ำแม่กวง เฉลี่ยวันละประมาณ 1.5 ล้าน ลบ.ม.หรือเต็มที่ที่ 2 ล้าน ลบ.ม. อย่างไรก็ตาม การพร่องน้ำออกจากเขื่อน เพื่อรองรับน้ำที่จะไหลเข้าอ่างยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่องเกือบทุกวัน และต้องพิจารณาถึงผลกระทบจากการระบายน้ำออกจากเขื่อนด้วย
ในขณะนี้หากมีฝนตก หรือยังมีน้ำขังในพื้นที่ท้ายเขื่อนจะไม่มีการระบายน้ำออกอย่างเด็ดขาด แต่หากไม่มีฝนตกหรือไม่มีน้ำท่วมขังทางเขื่อน ก็จะเร่งทำการระบายน้ำออกเพื่อรองรับน้ำที่จะเข้ามาใหม่
หัวหน้าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวง กล่าวเพิ่มเติมว่า หากปริมาณน้ำยังไหลเข้ามากอย่างต่อเนื่อง น้ำก็อาจจะเต็มความจุอ่างก่อนสิ้นเดือนได้ด้วยเช่นกัน ส่วนกรณีที่ปริมาณน้ำในเขื่อนเต็มความจุและล้นออกจากสปิลเวย์ ต้องดูว่าปริมาณน้ำที่ล้นออกมามีมากน้อยเพียงใด หากล้นออกมาเพียง 2-3 ล้าน ลบ.ม.ยังถือเป็นปริมาณที่ลำน้ำกวงสามารถรองรับไว้ได้อยู่ และจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่ถ้าปริมาณน้ำที่ล้นจากสปิลเวย์มีมากกว่านั้นก็จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนเพิ่มมากขึ้น โดยพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ พื้นที่ของ อ.สันทรายซึ่งจะเป็นจุดรับน้ำแห่งแรกหากน้ำล้นออกจากเขื่อน
ทั้งนี้ จากปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องใน จ.เชียงใหม่ ส่งผลให้น้ำที่ไหลเข้าสู่อ่างเก็บน้ำและเขื่อนมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น โดยอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีอยู่ 12 แห่ง มีถึง 9 แห่งที่มีปริมาณน้ำสูงกว่าร้อยละ 90 ของความจุในขณะนี้ ขณะที่เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล มีระดับน้ำล่าสุดอยู่ที่ 223.274 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 84.25 ของความจุอ่าง เหลือพื้นที่รองรับน้ำอีกประมาณร้อยละ 15 ของความจุอ่าง ซึ่งเขื่อนแจ้งว่า ได้ระบายน้ำออกวันละ 809,273 ลบ.ม. เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและพร่องน้ำออกจากเขื่อน พร้อมทั้งยืนยันว่า จะไม่มีการปล่อยน้ำมากกว่านี้ เนื่องจากจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงเพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลิ่งได้
