ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่นำซ้อมแผนฉุกเฉินท่าอากาศยานเชียงใหม่ สมมติเกิดเหตุแผ่นดินไหว 6 ริกเตอร์ ระบุ เป็นการซักซ้อมหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติ พร้อมรับเหตุการณ์จริง และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน-นักท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน เผย สั่งทุกตำบลหมู่บ้านพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังเตือนภัยดินโคลนถล่มน้ำป่าไหลหลากตลอด 24 ชั่วโมง ป้องกันความสูญเสีย
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกซ้อมบางส่วนตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยานเชียงใหม่ ประจำปี 2554 ซึ่งการฝึกซ้อมดังกล่าวนี้เป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ที่ให้ท่าอากาศยานของรัฐภาคีจัดให้มีแผนฉุกเฉิน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น พร้อมทั้งให้ดำเนินการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบอย่างน้อย 1 ครั้ง ทุกๆ 2 ปี
ทั้งนี้ การฝึกซ้อมในครั้งนี้ได้มีการสมมติสถานการณ์กรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.0 ริกเตอร์ มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้อาคารผู้โดยสารได้รับความเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตออกจากตัวอาคาร รวมทั้งอพยพผู้โดยสารที่เหลือออกนอกอาคารอย่างปลอดภัย
โดยการฝึกซ้อมนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ กองบิน 41 มณฑลทหารบกที่ 33 ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ สถานีวัดความสั่นสะเทือน กรมอุทศาสตร์ กองทัพเรือ เป็นต้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การฝึกซ้อมแผนครั้งนี้จะทำให้ทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมการฝึกซ้อมทราบถึงขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติรุนแรง ขั้นตอนการควบคุมดูแลสั่งการต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ทุกหน่วยงานมีความพร้อมมากขึ้นในการเตรียมรับมือสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่ด้วย
ขณะเดียวกัน หม่อมหลวง ปนัดดา กล่าวถึงการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมรับมือเหตุดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ว่า ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยได้มีการสั่งการไปยังทุกหมู่บ้านตำบลโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงให้มีการเฝ้าระวังเตือนภัยและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนจะต้องสามารถเข้าให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ประสบเหตุได้อย่างรวดเร็วที่สุดในกรณีที่เกิดเหตุขึ้นด้วย
