เพชรบุรี - ผบช.ภ.7 ลงพื้นที่เพชรบุรี เร่งสางคดีคนร้ายยิงถล่ม “ทัศกมล โอบอ้อม” หรือ “อ.ป๊อด” อดีตผู้ลงสมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสียชีวิต มุ่งปมสังหารน่าจะเกิดจากการขัดแย้งกรณีเคลื่อนไหวต่อต้านการผลักดันชนกลุ่มน้อย
วันนี้ (11 ก.ย.) พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุหมู่ที่ 6 ต.ถ้ำรงค์ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เพื่อดูจุดเกิดเหตุคนร้ายยิงถล่ม นายทัศกมล โอบอ้อม หรือ อ.ป๊อด อดีตผู้ลงสมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสียชีวิตคารถจี๊ปเชอโรกี และเป็นผู้ต่อต้านการผลักดันชนกลุ่มน้อยออกจากผืนป่าแก่งกระจาน
ทั้งนี้ ผบช.ภ.7 ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการวางแนวทางรวมถึงมีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อที่จะสืบหาตัวผู้ก่อเหตุ นอกจากนี้ ได้มีการประสานดูภาพจากกล้องวงจรปิดจาก สภ.ท่ายาง เพื่อที่จะดูภาพว่าก่อนเกิดเหตุมีรถยนต์ที่ต้องสงสัยขับตามหรือไม่ เพื่อที่จะนำไปสู่การติดตามตัวคนร้ายได้ง่ายขึ้น
ส่วนประเด็นหลักของการสังหารในครั้งนี้ มุ่งน้ำหนักไปที่ประเด็นความเคลื่อนไหวกรณีเป็นผู้นำกะเหรี่ยงต่อต้านการผลักดันชนกลุ่มน้อย ซึ่งกำลังเป็นปัญหากับทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ส่วนประเด็นเป็นแกนนำพานักศึกษาวิทยาลัยเทคนิค ไปร้องเรียนที่กรุงเทพมหานครนั้น ยังไม่ตัดทิ้ง แต่น้ำหนักประเด็นนี้เป็นรอง ซึ่งจะต้องทำการสืบสวนและเรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ
สำหรับอาวุธปืนที่ผู้ก่อเหตุใช้เป็นอาวุธปืนขนาด 11 มม.ซึ่งจากการดูลักษณะการยิงผู้ก่อเหตุเป็นผู้ชำนาญด้านอาวุธปืนและมีมากกว่า 2 คน
ทั้งนี้ จากการดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ทาง สภ.ท่ายาง ติดตั้งไว้บริเวณสามแยกท่ายาง ซึ่งสามารถบันทึกภาพรถของ นายทัศกมล ที่มาจอดชะลอรถบริเวณสามแยกท่ายางในเวลาประมาณ 19.19 น.ก่อนที่จะขับไปแล้วมีรถต้องสงสัยอีก 2 คันขับตามหลัง โดยรถยนต์คันแรกมีลักษณะคล้ายรถมิวเซเว่น ส่วนคันหลังน่าสงสัยที่สุด ซึ่งเป็นรถลักษณะคล้ายรถยนต์เก๋งมาสด้า 3 สีขาวติดฟิล์มดำที่ขับขี่ตามหลังไปอย่างรวดเร็วหลังทิ้งช่วงระยะห่างประมาณ 2 นาทีที่รถของนายทัศกมล ขับออกไปจากแยกไฟแดงและไปประสบเหตุถูกยิงเสียชีวิตในเวลาประมาณ 19.30 น.
ด้านการค้นหาพยานหลักฐาน พ.ต.อ.ธิติพงศ์ เศรษฐีสมบัติ รองผกก.ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 นครปฐม พร้อมชุดกำลังตรวจหาวัตถุพยานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบวิถีกระสุนและหาหัวกระสุน ซึ่งพบหัวปลอกกระสุนและหัวกระสุนปืนขนาด 11 มม.เพิ่ม 3 หัว ฝังอยู่ที่ประตูรถยนต์ของผู้ประสบเหตุ ซึ่งขณะนี้สามารถรวบรวมพยานหลักฐานที่มีทั้งปลอกกระสุน หัวกระสุนที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์และแตกเป็นชิ้นรวมทั้งหมด 10 ชิ้น ที่สามารถนำไปตรวจสอบได้
สำหรับการดำเนินงานสืบสวนขณะนี้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่และจังหวัดดำเนินการอย่างใกล้ชิด และมีการสนับสนุนกำลังรวม 5 ชุด ที่มีทั้งในตำรวจในพื้นที่และตำรวจภาค 7 ที่ลงพื้นที่โดยเน้นหาหลักฐานอย่างละเอียด
