ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านกลุ่มคัดค้านตั้งโรงไฟฟ้านครเนื่องเขต จากหลายตำบลกว่า 200 คน รวมตัวติดตามความคืบหน้ารอบสัปดาห์ ในการเดินหน้าคัดค้านตามกระบวนการยุติธรรมจากแกนนำ หลังถูกกลุ่มการเมืองท้องถิ่น และอีกหลายฝ่ายปล่อยข่าวโจมตีการเคลื่อนไหว ทำชาวบ้านสับสน
วันนี้ (11 ก.ย.) ชาวบ้านจากหลายตำบลในพื้นที่รอบโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านครเนื่องเขตได้เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณริมถนนสาย 304 มีนบุรี-ฉะเชิงเทรา ใกล้กับสามแยกสัญญาณไฟจราจรสตาร์ไลท์ พื้นที่ ม.5 ต.วังตะเคียน เพื่อมารับฟังความคืบหน้าในการเคลื่อนไหวและดำเนินการในกระบวนการ เพื่อคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากตัวแทนในการเคลื่อนไหว หลังจากได้ส่งตัวแทนเข้ายื่นคำร้องไปยังศาลปกครองส่วนภูมิภาค ที่ จ.ระยอง
นายประจักร์ กลี่จินดา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.12 ต.ท่าไข่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา ตัวแทนชาวบ้าน ผู้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการมาชี้แจงให้แก่ตัวแทนชาวบ้านระดับตำบล จากในแต่ละหมู่บ้าน ถึงความคืบหน้าในการดำเนินการคัดค้าน
หลังจากได้ใช้วิธีการ ตามที่ได้เจรจาไว้กับ นางสุมิตรา ศรีสมบัติ พร้อมด้วย นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ได้เข้ามาทำการเจรจาตกลงกันไว้ ให้ชาวบ้านต่อสู้ผ่านทางกระบวนการยุติธรรม ในการยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เมื่อครั้งการชุมนุมใหญ่ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.54
แต่เนื่องจากที่ผ่านมา กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ทั้ง 11 ตำบล ได้ถูกกลุ่มการเมืองท้องถิ่น และหลายฝ่ายที่สนับสนุน ต้องการให้มีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งนี้ ได้พยายามที่จะบ่อนทำลายความหน้าเชื่อถือของตัวแทนหลัก ในการต่อสู้ด้วยการปล่อยข่าวโจมตีต่อการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ชาวบ้านเกิดความสับสน จึงจำเป็นต้องมีการนัดชุมนุมย่อย เพื่อชี้แจงให้แก่ตัวแทนระดับตำบลและระดับหมู่บ้านได้ทราบความคืบหน้าอย่างเท่าทันต่อการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนว่าไปถึงขั้นตอนใดบ้างแล้ว และได้ผลเป็นอย่างไร เพื่อให้ทุกคนรู้อย่างเท่าเทียมกัน
ที่ผ่านมา ศาลยังไม่ได้มีการพิจารณาตัดสิน แต่ได้เรียกสืบพยาน จากหลายฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายที่ร้อง และฝ่ายที่ถูกร้อง รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย โดยในวันที่ 13 ก.ย.54 นี้ เวลา 09.00 น.ที่ศาลปกครอง จ.ระยอง จะมีการไต่สวนพยานที่เป็นตัวบุคคลเป็นนัดแรก หลังจากที่ผ่านมาได้มีการสืบพยานหลักฐานเป็นเอกสารมาโดยตลอด ส่วนการเคลื่อนไหวในขั้นต่อไปนั้นยังต้องรอผลการพิจารณาของศาลก่อน โดยที่ชาวบ้านจะยังไม่เคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้นในขณะนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการก่อตั้งโรงไฟฟ้าดังกล่าวนี้ เป็นของบริษัทฉะเชิงเทรา โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ในเครือของบริษัทสหโคเจน ซึ่งมีบริษัทแม่ยักษ์ใหญ่ร่วมทุนจากต่างชาติ ด้านการผลิตไฟฟ้าภาคเอกชน คือ บริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 87 อาคารเอ็มไทยทาวเวอร์ ชั้น 11 ออลซีซั่นเพลส ถ.วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. เป็นผู้ได้รับสัมปทานเข้าร่วมโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชน (ไอพีพี) จากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในการผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนขนาดใหญ่กว่า 20 โครงการทั่วประเทศ โดยได้แตกออกเป็นบริษัทย่อย เพื่อทำการผลิตไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ อีกหลากหลายบริษัท
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้านครเนื่องเขตนั้น ถือเป็นโครงการที่ถูกชาวบ้านออกมาต่อต้านเป็นแห่งที่ 4 แล้ว นับจากโรงไฟฟ้าถ่านหินบางปะกง โรงไฟฟ้าพลังก๊าซ แอลพีจี บางคล้า โรงไฟฟ้าถ่านหินเขาหินซ้อน ซึ่งยังอยู่ระหว่างการถูกคัดค้านอยู่เช่นเดียวกัน และโรงไฟฟ้านครเนื่องเขต แห่งนี้ ซึ่งมีกำลังการผลิต 114 เมกะวัตต์ โดยใช้พลังงานจากก๊าซ NGV ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการก่อสร้างในเขตพื้นที่ ม.17 ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา
จนทำให้ชาวบ้านผู้ประกอบอาชีพในภาคกระเกษตรกรรม หวั่นเกรงว่าจะถูกแย่งชิงการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ โดยเฉพาะทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการทำนา และอาจได้รับผลกระทบจากมลพิษที่จะเกิดขึ้นติดตามมาในภายหลัง
นอกจากนี้ ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ยังเป็นพื้นที่เป้าหมายในการก่อตั้งโรงไฟฟ้าอีกหลากหลายโครงการ หลากหลายรูปแบบ ทั้งโครงการก่อตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล ใน ต.คลองหลวงแพ่ง และ ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง ฉะเชิงเทรา ที่เตรียมจะเกิดขึ้นอีก 2 โครงการ เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่มีโครงข่ายของสายส่งไฟฟ้าแรงสูงขนาดใหญ่ เชื่อมต่ออยู่เต็มพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด เพื่อส่งกระแสไฟฟ้าไปยังภาคอื่นๆ ของประเทศ เนื่องจากเดิมนั้นมีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศตั้งอยู่ในพื้นที่อยู่ก่อนแล้ว คือ โรงไฟฟ้าบางปะกง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขนาดกำลังการผลิต 3,700 เมกะวัตต์