กาญจนบุรี - ผู้ว่าฯกาญจน์ ยื่นสมุดปกขาวให้ ส.ส.เพื่อไทย เสนอรัฐบาลสนับสนุนการเตรียมความพร้อมรับ “ทวายโปรเจกต์”
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (5 ก.ย.) นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผวจ.กาญจนบุรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยทหาร ตำรวจ ปกครอง ศุลกากร พาณิชย์ เป็นต้น เข้าร่วมประชุมในหัวข้อการผลักดันการเตรียมความพร้อมการก่อสร้างศูนย์ราชการชายแดนบ้านพุนำร้อน อ.เมืองกาญจนบุรี โดยใช้เวลาประนานกว่า 3 ชั่วโมง
หลังการประชุมนายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผวจ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 ส.ค.54 มีนโยบายการต่างประเทศ ข้อ 78 ใช้ประโยชน์จากโครงการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคอาเซียนและอนุภูมิภาคให้เป็นประโยชน์ต่อการขยายฐานเศรษฐกิจทั้งการผลิตและการลงทุน โดยให้ความสำคัญในการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดน
จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมที่จะปฏิบัติเพื่อผลักดันนโยบายดังกล่าวให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้จัดทำเอกสารเป็นสมุดปกขาวยื่นเสนอต่อ พลเอก สมชาย วิษณุวงศ์ ส.ส.กาญจนบุรี เขต 1 พรรคเพื่อไทย และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ เพื่อนำให้สนับสนุนประสานงานไปยังนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เพื่อขอรับการสนับสนุนการดำเนินงานที่เกินขีดความสามารถของจังหวัดในการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจภาคตะวันตกจากรัฐบาล เพื่อให้กาญจนบุรีให้เป็นศูนย์กลางของภาคตะวันตก
ทั้งนี้ จังหวัดกาญจนบุรีได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงมหาดไทย จัดทำแผนบูรณาการการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรีให้เป็นศูนย์กลางภาคตะวันตก โดย สศช.ได้มีรายงานผลการศึกษา เมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 พบว่า จังหวัดกาญจนบุรี มีความเหมาะสมในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจทางภาคตะวันตก
ผวจ.กาญจนบุรี เปิดเผยท้ายสุดว่า การเตรียมความพร้อมศูนย์ราชการการค้าชายแดนที่บริเวณบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมิองกาญจนบุรี ที่ในอนาคตจะเป็นศูนย์กลางที่เป็นประตูเชื่อม Southern Economic Corridor จากท่าเรือน้ำลึกทวาย-ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา-ท่าเรือวังเตา ประเทศเวียดนาม เป็นแรงเสริมศักยภาพของการเป็นลอจิสติกส์ฮับของประเทศไทย และเมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นในภาคตะวันตกแล้ว พบว่าจังหวัดกาญจนบุรีมีศักยภาพสูง เด่นด้านการค้าการลงทุนชายแดนและผ่านแดน ศักยภาพในการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี
ดังนั้น จังหวัดกาญจนบุรี จึงขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจภาคตะวันตก ตามผลการศึกษาของ สศช.โดยเน้นในเรื่องที่มีความสำคัญ เพื่อให้มีกลไกในการขับเคลื่อนดังกล่าวที่ชัดเจน
จังหวัดกาญจนบุรี เห็นด้วยกับผลการศึกษาตามข้อเสนอของ สศช.ที่มีความเห็นว่า ในขั้นต้นรัฐบาลอาจพิจารณามอบหมายให้คณะอนุกรรมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจฝั่งตะวันตกกับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาระบบการจัดส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ซึ่งแต่งตั้งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 หรือองค์กรที่รัฐบาลเห็นเหมาะสม เพื่อเป็นกลไกหลักในการอำนวยการและสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรีต่อไป
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (5 ก.ย.) นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผวจ.กาญจนบุรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการค้าชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยทหาร ตำรวจ ปกครอง ศุลกากร พาณิชย์ เป็นต้น เข้าร่วมประชุมในหัวข้อการผลักดันการเตรียมความพร้อมการก่อสร้างศูนย์ราชการชายแดนบ้านพุนำร้อน อ.เมืองกาญจนบุรี โดยใช้เวลาประนานกว่า 3 ชั่วโมง
หลังการประชุมนายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผวจ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 ส.ค.54 มีนโยบายการต่างประเทศ ข้อ 78 ใช้ประโยชน์จากโครงการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคอาเซียนและอนุภูมิภาคให้เป็นประโยชน์ต่อการขยายฐานเศรษฐกิจทั้งการผลิตและการลงทุน โดยให้ความสำคัญในการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดน
จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมที่จะปฏิบัติเพื่อผลักดันนโยบายดังกล่าวให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้จัดทำเอกสารเป็นสมุดปกขาวยื่นเสนอต่อ พลเอก สมชาย วิษณุวงศ์ ส.ส.กาญจนบุรี เขต 1 พรรคเพื่อไทย และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ เพื่อนำให้สนับสนุนประสานงานไปยังนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เพื่อขอรับการสนับสนุนการดำเนินงานที่เกินขีดความสามารถของจังหวัดในการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจภาคตะวันตกจากรัฐบาล เพื่อให้กาญจนบุรีให้เป็นศูนย์กลางของภาคตะวันตก
ทั้งนี้ จังหวัดกาญจนบุรีได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงมหาดไทย จัดทำแผนบูรณาการการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรีให้เป็นศูนย์กลางภาคตะวันตก โดย สศช.ได้มีรายงานผลการศึกษา เมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 พบว่า จังหวัดกาญจนบุรี มีความเหมาะสมในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจทางภาคตะวันตก
ผวจ.กาญจนบุรี เปิดเผยท้ายสุดว่า การเตรียมความพร้อมศูนย์ราชการการค้าชายแดนที่บริเวณบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมิองกาญจนบุรี ที่ในอนาคตจะเป็นศูนย์กลางที่เป็นประตูเชื่อม Southern Economic Corridor จากท่าเรือน้ำลึกทวาย-ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา-ท่าเรือวังเตา ประเทศเวียดนาม เป็นแรงเสริมศักยภาพของการเป็นลอจิสติกส์ฮับของประเทศไทย และเมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นในภาคตะวันตกแล้ว พบว่าจังหวัดกาญจนบุรีมีศักยภาพสูง เด่นด้านการค้าการลงทุนชายแดนและผ่านแดน ศักยภาพในการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี
ดังนั้น จังหวัดกาญจนบุรี จึงขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจภาคตะวันตก ตามผลการศึกษาของ สศช.โดยเน้นในเรื่องที่มีความสำคัญ เพื่อให้มีกลไกในการขับเคลื่อนดังกล่าวที่ชัดเจน
จังหวัดกาญจนบุรี เห็นด้วยกับผลการศึกษาตามข้อเสนอของ สศช.ที่มีความเห็นว่า ในขั้นต้นรัฐบาลอาจพิจารณามอบหมายให้คณะอนุกรรมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจฝั่งตะวันตกกับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาระบบการจัดส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ซึ่งแต่งตั้งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 หรือองค์กรที่รัฐบาลเห็นเหมาะสม เพื่อเป็นกลไกหลักในการอำนวยการและสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรีต่อไป
