ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าหน้าที่ ศตส.อำเภอสัตหีบ สนธิกำลังตำรวจ สภ.สัตหีบ กว่า 20 นาย ปิดล้อม ไล่ล่า “ไอ้โข่ง” เอเยนต์ยาบ้ารายใหญ่ในพื้นที่สัตหีบ ที่ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงต่อสู้เพื่อหนีการจับกุม สุดท้ายไปไม่รอดทิ้งปืนยกมือยอมจำนน
วันนี้ (26 ส.ค.) นายสุรเชษฐ์ แก้วคำ ปลัดฝ่ายปราบปรามอำเภอสัตหีบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ดำรงค์ อ้วนสูงเนิน สวป.สภ.สัตหีบ ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ศตส.อำเภอสัตหีบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กว่า 20 นาย เข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 124/9 ซอยธรรมวิทยา หมู่ 2 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อจับกุมตัว นายชลวัฒน์ หรือ “โข่ง ศรีสุภา” อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการล่อซื้อ และหลบหนีการจับกุมเข้าไปซ่อนตัวอยู่ภายในห้องพักก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนี
โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาปิดล้อมและกดดันผู้ต้องหาอยู่นานกว่า 20 นาที จึงยอมวางอาวุธและขอมอบตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ เบอร์ 12 พร้อมเครื่องกระสุน 3 นัด และจากการตรวจค้นในตัวยังพบธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อจำนวน 500 บาท ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง และยังพบยาบ้าอีก 44 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกฝังดินอยู่ใต้ตุ่มน้ำหลังบ้าน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ลักลอบจำหน่ายยาบ้ามานานกว่า 5 ปีแล้ว โดยมี นายสุรพล หรือ แฉะ พุทธรักษา อายุ 47 ปี เป็นเอเยนต์รายใหญ่ ซึ่งจะกระจายให้กับเครือข่ายซึ่งเป็นเอเยนต์รายย่อยในพื้นที่อำเภอสัตหีบ ที่มีจำนวนมากกว่า 30 ราย
นายชลวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า สาเหตุที่ตัดสินใจหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บของหลังบ้าน เนื่องจากได้ทำช่องทางหลบหนีด้านหลังซึ่งเป็นป่าละเมาะ และได้ตัดสินใจยิงเปิดทางเพื่อป้องกันการติดตามของเจ้าหน้าที่ แต่ด้วยที่กำลังเจ้าหน้าที่มีจำนวนมากและอาวุธครบมือ จึงเกรงว่าจะถูกวิสามัญจึงตัดสินใจวางอาวุธและเข้ามอบตัวดังกล่าว
นายสุรเชษฐ์ แก้วคำ ปลัดฝ่ายปราบปราม เผยว่า นายชลวัฒน์ หรือ โข่ง เป็นเอเยนต์ค้ายาเสพติดและเป็นสมุนมือขวาของนายสุรพล หรือ แฉะ ซึ่งมีหน้าที่นำยาบ้าซึ่งลำเลียงมาจากทางอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง กระจายสู่กลุ่มลูกค้าทั้งผู้ขายและผู้เสพ โดยที่ผ่านมาได้มีการสืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้แล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะมีกลุ่มนายทุนนำหลักทรัพย์ประกันตัวออกไป เบื้องต้นได้ตั้งข้อหา มียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่
