xs
xsm
sm
md
lg

น้ำน่านใกล้วิกฤตซ้ำ เพิ่มระดับไม่หยุด - “เมืองปัว” ผวาดินแยกโผล่เพียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


น่าน - น้ำน่านใกล้ถึงจุดวิกฤตซ้ำแล้ว ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เทศบาลเมืองน่านปิดประตูน้ำทุกบานเร่งสูบระบายน้ำออก และเฝ้าสถานการณ์ใกล้ชิด ด้านคน “เมืองปัว” ผวาดินแยก หลังเกิดรอยแยกขึ้น-ดินสไลด์หลายจุด จนต้องรื้อบ้านเรือนชาวบ้านกันระนาว ครวญอยากย้ายที่อยู่แต่ไม่มีที่ไป วอนหน่วยงานรัฐช่วยด่วน

ประชาชนชาวเขตเทศบาลเมืองน่าน ต่างต้องตื่นตระหนกกับระดับน้ำในแม่น้ำน่าน ที่อยู่ติดกับชุมชนต่างๆ สูงขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง จนทำให้สัญญาณแจ้งเตือนอันตรายที่ติดตั้งไว้กับเสาวัดระดับน้ำของสถานีวัดระดับน้ำ N1 บริเวณกาดแลงเขตเทศบาลเมืองน่านมีสัญญาณไฟสีแดงแจ้งเตือนขึ้นมาตั้งแต่วานนี้ (20 ส.ค.) จนต้องพากันไปเฝ้าดูระดับน้ำที่กระแสไหลเชี่ยวมาพร้อมกับเศษซากไม้ มีสีแดงเข้ม เนื่องจากพื้นที่เหนือลำน้ำน่านขึ้นไปมีฝนตกตลอดเวลา

โดยปริมาณน้ำฝนสูงสุดที่อำเภอท่าวังผา วัดได้ 58.7 ลูกบาศก์มิลลิเมตร แต่ที่ตำบลอวน อำเภอปัว ซึ่งไม่มีจุดวัดปริมาณน้ำฝน มีฝนตกลงมาอย่างหนักไม่หยุด ทำให้มีปริมาณน้ำฝนสะสมมากไหลลงแม่น้ำยาวและน้ำยาวไหล ลงแม่น้ำน่าน จึงทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยระดับน้ำที่ N1 กาดแลงเมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ วัดได้ 07.05 เมตร

ล่าสุด น้ำได้ไหลล้นท่อเริ่มเข้าท่วมยังชุมชนบ้านดอนศรีเสริมกสิกร ถนนข้าหลวง ชุมชุมภูมินทร์-ท่าลี่ และชุมชนบ้านพวงพะยอม ที่อยู่ติดริมน้ำน่านบางส่วนแล้ว โดยเฉพาะที่ชุมชนบ้านดอนศรีเสริมระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้ประชาชนรีบขนของขึ้นยังที่สูงและระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากน้ำจากแม่น้ำน่านแล้วยังมีน้ำจากลำห้วยลี่ ที่อยู่เหนือเทศบาลไหลมาตามท่อมาสมทบด้วย เนื่องจากยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด เช่นเดียวกับบ้านท่าล้อ บ้านแสงดาว ตำบลฝายแก้ว อ.ภูเพียง น้ำก็เริ่มเข้าท่วมชั้นล่างของบ้านเรือนประชาชน และบริเวณถนนในหมู่บ้านโดยมีกำลังพลจากกรมทหารพรานที่32 จำนวน50นาย เข้าช่วยขนย้ายสิ่งของร้านค้าขึ้นที่สูง

นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวว่า สัญญาณเตือนภัยที่ติดริมน้ำน่านของชลประทานได้เตือนให้เฝ้าระวังเมื่อระดับน้ำถึง 6.15 เมตร แต่ขณะนี้เลยจุดนั้นแล้ว ทางเทศบาลเมืองน่าน ได้สั่งปิดประตูระบายน้ำทั้ง 9 บานหมดแล้ว และเร่งสูบน้ำจากเครื่องสูบที่มี 4 เครื่อง และกำลังขอสนับสนุนจากสำนักงานชลประทานมาเสริมอีก

นอกจากนั้นยังได้แจ้งเตือนให้ประชาชนในเขตเทศบาลได้เตรียมพร้อม เพราะหากระดับน้ำอยู่ที่ 7.30 เมตรก็จะถึงขั้นวิกฤตแล้ว ทางเทศบาลสามารถสูบน้ำชะลอไม่ให้น้ำเข้าเมืองได้เพียง 10-12 ชั่วโมงเท่านั้น

ขณะที่อำเภอปัว ชาวบ้านบ้านสกาด ตำบลสกาด อำเภอปัว กำลังหวาดหวั่นว่าจะเกิดดินสไลด์ถล่มบ้านและโรงเรียน หลังพบมีน้ำและเศษดินโคลนไหลเข้าหมู่บ้านและโรงเรียน จากที่มีฝนตกไม่หยุดหลายวัน

นายดิลก พลวัง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสกาด อำเภอปัว จังหวัดน่าน พร้อมนายประสงค์ รกไพร ผู้ใหญ่บ้านบ้านสกาดเหนือ หมู่ที่ 1 ตำบลสกาด ได้ออกเตือนชาวบ้านให้ระวังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ดินสไลด์ถล่มเข้าหมู่บ้าน หลังจากตลอด 2 วันที่ผ่านมามีฝนตกลงมาไม่หยุดในพื้นที่และยังมีเศษดินโคลนไหลเข้าไปในหมู่บ้านและโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง

ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ อบต.พร้อมด้วยทหารหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 31 จังหวัดน่าน ได้เข้าตรวจสอบรอยแยกเหนือหมู่บ้านอีก 4 จุด พบสภาพดินชุ่มน้ำชาวบ้านจึงเกรงว่าจะเกิดดินถล่มใส่หมู่บ้านที่อยู่ใต้จำนวนกว่า 30 หลัง นอกจากนั้นโรงเรียนสกาดพัฒนา บ้านสกาด นักเรียนและครูก็ต่างพากันวิตก ได้แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังและขนย้ายอุปกรณ์การเรียนไว้ในที่ปลอดภัย

นายประสงค์ รกไพร ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ได้จัดเวรยามเฝ้าระวังตลอดเวลา พร้อมทั้งให้ชาวบ้านผลัดเปลี่ยนกันขึ้นไปดูรอยแยกเหนือหมู่บ้าน หากพบสิ่งผิดปกติก็ให้รายงานและประกาศให้อพยพโดยด่วน ขณะนี้ได้เตรียมสถานที่อพยพไว้ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ประจำตำบลสกาดแล้ว

ด้าน นายมานิต รกไพร ชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านหวั่นกลัวช่วงนี้ตอนกลางคืนนอนไม่หลับ ต้องการที่จะย้ายไปอยู่ยังที่อื่น แต่ก็ไม่มีที่ให้ไป จึงวอนราชการช่วยจัดหาที่อยู่ใหม่ให้ด้วย
สำหรับ บ้านสกาดเหนือ ต.สกาด อ.ปัว จ.น่าน ได้พบรอยแยกผ่ากลางหมู่บ้านเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2554 จนต้องอพยพชาวบ้าน กว่า 39 หลังคาเรือน จำนวน136 คน ที่อยู่ในพื้นที่รอยแยก ไปอยู่ที่สถานีอนามัยบ้านสกาด หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลสกาด ที่ตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว

นอกจากนี้ ยังพบรอยแยกผ่ากลางบ้านชาวบ้านจำนวน 3 หลังคาเรือน จนต้องตัดสินใจรื้อบ้านหนี คือ บ้านของนายติ๊บ รกไพร บ้านเลขที่ 96/1 บ.สกาศเหนือ ต.สกาศเหนือ อ.ปัว จ.น่าน ,นายบุญศรี รกไพร บ้านเลขที่70/1 บ.สกาศเหนือ ต.สกาศเหนือ อ. ปัว จ.น่าน และนายรุจน์ ก้องเกียรติบูชา บ้านเลขที่ 122/1 บ.สกาศเหนือ ต.สกาดเหนือ อ.ปัว จ.น่าน

และยังพบรอยแยกบริเวณทางเข้า ร.ร.บ้านสกาดพัฒนา ยาวประมาณ 12 เมตร ความลึกประมาณ 35 เซนติเมตร จากรอยแยกถนนหน้า ร.ร.ไปอีก 2 กิโลเมตร พบรอยแยกจุดที่ 2 ถนนแยกตัวและทรุดตัว ยาวประมาณ 6 เมตร ความลึกประมาณ 15 เซนติเมตร ทางไป อ.เชียงกลาง และภายใน ร.ร.ก็มีดินสไลด์ตัวลงใส่ตัวอาคารเรียน ทำให้ผนังของอาคารพังเสียหาย และชาวบ้านพบรอยแยกจุดที่ 3 บนดอยทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้าน มีความยาวประมาณ 500 เมตร ความลึกประมาณ 30 เซนติเมตร และพบรอยแยกจุดที่4 ทางทิศเหนือท้ายหมู่บ้าน ยาวประมาณ 50 เมตร ลึกประมาณ 20 เซนติเมตร

ส่วนบ้านสกาด หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 4 มีดินสไลด์ตัวลงใส่บ้านของชาวบ้านจนต้องรื้อบ้านหนี 2 หลังคาเรือน คือบ้านของนายชาญ รกไพร และนายสาร รกไพร

แม้ขณะนี้ชาวบ้านได้ย้ายกลับมายังหมู่บ้านแล้ว แต่ก็ยังหวั่นวิตกเกรงจะเกิดเหตุการณ์ดินถล่มขึ้น เพราะมีสัญญาณเตือนจากพื้นที่ดินแยกออกมาแล้ว และทางกรมทรัพยากรธรณี ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว ปรากฏว่าใต้ดินเป็นโพรงหินปูน และมีรอยเลื่อนจากการตัดไม้ทำลาย ป่าและใช้สารเคมีมาก จึงไม่มีหญ้าอุ้มดินและซับน้ำไว้ จึงเป็นพื้นที่อันตราย แต่ชาวบ้านก็ไม่สามารถไปอยู่ที่อื่นได้


กำลังโหลดความคิดเห็น